หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง (END)

Ep.1 - Ep.15 (END)


=================================================================

Ep.1 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-02-08


Ep.2 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-02-09


Ep.3 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-02-10

Ep.4 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-02-15


Ep.5 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-02-16

Ep.6 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-02-17

Ep.7 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-02-22


Ep.8 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-02-23



Ep.9 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-02-24


Ep.10 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-03-01

Ep.11 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-03-02

Ep.12 Porn Prom OnLaWeng พรพรหมอลเวง 13-03-03

Ep.13 พรพรหมอลเวง Porn Prom OnLaWeng 13-03-08

Ep.14 พรพรหมอลเวง Porn Prom OnLaWeng 13-03-09

Ep.15 End พรพรหมอลเวง Porn Prom OnLaWeng 13-03-10





พรพรหมอลเวง

พรพรหมอลเวง

เรื่องย่อพรพรหมอลเวง

เรื่องย่อ “พรพรหมอลเวง” 
       
       บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
       บทโทรทัศน์ : วรวรรณ ชัยสกุลสุรินทร์
       กำกับการแสดง : ชุดาภา จันทเขตต์
       แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้
       ผลิต : บ. เวฟมีเดีย
       ออกอากาศ : ศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางช่อง 3 
       ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม 8 กุมภาพันธ์ 2556 - 10 มีนาคม 2556
       จำนวนตอนออกอากาศ : 15 ตอน
       
       บนชั้นธุรกิจที่มืดมิดและเงียบสงบของสายการบินเยอรมัน ในยามที่ผู้โดยสารทุกคนยังหลับสนิท มีเพียงแต่ตันหยง เท่านั้นที่ยังนั่งเหม่อลอยยิ้มคนเดียว ไม่อ่านหนังสือหรือแม้แต่ดูหนัง พนักงานต้อนรับเดินมาดูความเรียบร้อยจึงนั่งลงถามว่าจะเอาอะไรหรือเปล่า แต่ตันหยงก็ไม่รับทั้งเครื่องดื่มหรือของทานเล่นจนพนักงานสงสัย ตันหยงรับว่าเธอตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน เพราะตลอดเวลา 2 ปีที่มุมานะไปเรียนจนจบปริญญาโทฯเธอยังไม่เคยกลับบ้านเลย จากวันนี้ไปเธอจะได้เริ่มต้นชีวิต ความสุข ความหวังกับการแต่งงานกับคนที่เธอรักเสียที พนักงานฟังแล้วยิ้มอดดีใจไปด้วยไม่ได้
       
       ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อรับกระเป๋าแล้ว ตันหยง ก็รีบเดินออกมาเพื่อจะพบกับพ่อและแม่แต่ไม่มีวี่แววว่าจะได้เจอใคร ตันหยงจึงโทรศัพท์หาแม่ซึ่งแม่กับพ่อก็ยืนยันว่ามารอรับตันหยงอยู่ ตันหยงพยายามเดินตามหาจนได้ยินเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งถามเธอว่า “ต้องการให้รถไปส่งที่บ้านหรือเปล่า” วินาทีที่ได้ยินแม้จะเรียกจากด้านหลังเธอก็จำได้ว่าเป็น พิราม คู่หมั้นสุดที่รักของเธอนั่นเอง ตันหยง ดีใจมากที่พิรามเซอร์ไพรส์มารับเธอ พิรามเองก็ดีใจที่ผู้หญิงที่เขาเพียรรอมาสองปีกลับมายืนอยู่ตรงหน้า พิรามจะเข้าไปกอดแต่ตันหยงให้ได้อย่างมากก็แค่จับมือ พิรามเองนั้นชินกับความหัวโบราณของตันหยงและครอบครัวแล้ว เพราะเขาเองก็เคยขอไปเยี่ยมเธอในระหว่างเรียน แต่ตันหยงและพ่อแม่ก็เห็นว่าไม่สมควรคนจะว่าเอาได้ พิรามจึงอดทนรอมาด้วยความเข้าใจจนวันนี้ และอีกไม่นานกับการแต่งงานที่จะเริ่มขึ้น ซึ่งเขาก็จะได้ครอบครองตันหยงสุดที่รักทั้งกายและใจ ตันหยงดีใจมาที่พิรามเห็นคุณค่าในตัวเธอ
       เมื่อกลับมาบ้าน ตันหยงแกล้งต่อว่าพ่อกับแม่ที่ร่วมมือกับพิรามแกล้งอำเธอ แต่พ่อกับแม่บอกว่ายังไงหลังแต่งงานพิรามก็ต้องดูแลตันหยงแบบนี้อยู่ดี พิรามเองก็รับปากต่อหน้าพ่อกับแม่ตันหยงว่าเขาจะดูแลตันหยงให้ดีอย่างนี้ตลอดไป ตันหยงรู้สึกว่าเธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดีและสมบูรณ์แบบจริงๆ ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่นั้นพิรามก็มีโทรศัพท์เข้ามา เขาจึงขอตัวกลับเพราะเป็นสายลูกค้าสำคัญ ตันหยงยังไม่ทันจะหยิบของฝากให้ แต่พิรามก็รีบไปเสียก่อน ตันหยงแอบน้อยใจ แต่พ่อกับแม่บอกว่าให้มองอีกมุมสิ พิรามอุตส่าห์สละเวลางานไปรับตันหยงแล้ว เรื่องของแค่นี้ค่อยให้วันหลังก็ได้ ตันหยงจึงรู้สึกดีขึ้น
       ณ บ้านโภควันต์ น้องเมย์ หรือ ด.ญ.เมริน เด็กผู้หญิงวัยห้าขวบ ที่ผลการเรียนในระดับอนุบาล 1 และ 2 ช่างต่างจาก ปรงแก้วและปรงขวัญ สองศรีพี่น้องที่เก่งไปซะหมดทั้งวิชาการ และความสามารถพิเศษทั้งด้านดนตรี และศิลปะ เพราะนอกจากเด็กหญิงทั้งสองจะสอบได้คะแนนสูงติดอันดับแล้ว ปรงแก้วคนพี่ก็ยังสอบเข้าเรียน ป.1 ในโรงเรียนเอกชนที่คัดแต่หัวกะทิ หนำซ้ำปรงขวัญที่อายุเท่ากับน้องเมย์และเรียนชั้นอนุบาล 3 เหมือนกันก็ยังเรียนแบบคะแนนทิ้งห่างอย่างเหนือชั้นอีกด้วย ปรางค์ทิพย์ ผู้เป็นป้าจึงคอยข่มน้องเมย์เพื่อจะพาลไปเหน็บประภัสสรกับเมธี ที่เลี้ยงลูกไม่ถูกทางจนน้องเมย์จะกลายเป็นเด็กโง่ไปแล้ว แม้ต่อหน้าคุณหญิงปรงทอง ประมุขของบ้าน โภควันต์ ปรางค์ทิพย์ก็ยังอดใจเหน็บไม่ได้เพราะปรางค์ทิพย์เห็นแล้วว่า หลังจากจบ อนุบาล 3 น้องเมย์คงสอบเข้าป. 1 ไปเรียนโรงเรียนเดียวกับลูกๆของเธอไม่ได้แน่ๆ เมธี ที่ไม่พอใจปรางค์ทิพย์จึงบอกว่าเขาไม่แคร์ว่าลูกจะเรียนเก่งหรือไม่ แต่ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอ ปรางค์ทิพย์โมโหจึงจี้จุดอ่อนเมธี ว่าเขาคิดแบบนี้ได้สิเพราะเมธีก็ใช้ความดีจนคุณหญิงปรงทองที่ชุบเลี้ยงมาต้องเปิดบริษัทให้โดยไม่ต้องใช้ความเก่งใดๆ นอกจากความดี เมธีโกรธมากแต่ไม่อยากตอบโต้ใดๆเพราะประภัสสรขอไว้ ปฐวี หมอหนุ่มน้าชายของน้องเมย์ และเป็นน้องชายคนเล็กของประภัสสรกับปรางค์ทิพย์ รู้สึกสงสารน้องเมย์จึงชวนน้องเมย์ออกไปเดินเล่นด้วยกัน ยังความไม่พอใจให้กับปรางค์ทิพย์มาก
       เมื่อกลับมาที่บ้านของปรางค์ทิพย์ๆก็ดุ ปรงแก้วกับปรงขวัญที่ไม่รู้ประจบเอาใจ ปฐวี ให้มากๆ เสกสรรที่เพิ่งกลับเข้าบ้านจึงโดนหางเลขไปด้วย เพราะเสกสรรเองก็ไม่ค่อยประจบเอาใจปรงทอง เมื่อทุกคนไม่พร้อมใจแบบนี้อีกหน่อยสมบัติก็คงตกไปอยู่กับประภัสสรและปฐวีมากที่สุด อย่างน้อยตอนนี้ปฐวีก็ได้เป็นผู้จัดการมรดก พร้อมๆกับดูแลโรงพยาบาลไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปพวกอาคารสำนักงานให้เช่าแถวสาธร รวมกับทรัพย์สินอื่นๆก็คงตกเป็นของประภัสสรมากกว่าของเธอ เสกสรรเห็นภรรยาหงุดหงิดจึงพยายามเอาใจสารพัดจนปรางค์ทิพย์ค่อยดีใจ อย่างน้อยเสกสรรก็อยู่ในโอวาทเธอและไม่เหมือนเมธี
       เมธีกับประภัสสรยืนดูน้องเมย์นั่งคุยกับปฐวี ประภัสสรกลุ้มใจที่น้องเมย์เรียนไม่เก่ง เมธีไม่เห็นด้วยที่ประภัสสรจะบังคับให้น้องเมย์เรียนหนังสือเพื่อแข่งขันกับคนอื่น ประภัสสรน้อยใจจึงออกปากบ่นว่า เมธีเอาแต่ออกนอกบ้านแต่ทิ้งให้เธอต้องอยู่กับลูกสองคน เมื่อไหร่จะเป็นเหมือนเสกสรรบ้าง เมธีกับประภัสสรจึงเถียงกันจนเมธีโกรธ และเดินหนีไปเพราะต้องเตรียมตัวไปดูงานรับเหมาที่ต่างจังหวัด ประภัสสรรู้สึกเศร้าใจที่สามีไม่เคยแคร์ความรู้สึกเธอเลย น้องเมย์พอเห็นพ่อจะออกจากบ้านไปอีกก็วิ่งไปขอร้อง เมธีจึงอธิบายว่าเขาออกไปทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงน้องเมย์ ปฐวีจึงช่วยพูดอีกแรงให้น้องเมย์ยอมให้เมธีไป
       เย็นนั้น ปฐวี ต้องไปงานเลี้ยงสังสรรค์ น้องเมย์อยากขอตามไปด้วย แต่ปฐวีไม่สามารถให้ไปด้วยได้จึงสัญญาว่าวันหยุดนี้จะพาไปเที่ยว น้องเมย์ขอเกี่ยวก้อยสัญญาและสั่งห้าน้าชายเบี้ยวนะ เพราะพ่อกับแม่ก็สัญญาแบบนี้กับน้องเมย์ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ไปกันสักที ปฐวี บอกว่าเขาจะไม่ผิดสัญญาแน่นอน น้องเมย์นับวันรอได้เลย น้องเมย์ดีใจมาก
       ทางด้าน ตันหยงที่โทรติดต่อพิรามไม่ได้เลยจนค่ำก็เริ่มงอนน้อยใจ เพราะเธอตั้งใจว่าจะเอาเนคไทของฝากให้เขาใส่ไปทำงานวันพรุ่งนี้ ตันหยงตัดสินใจโทรเข้าบ้านพิรามและได้คำตอบว่าพิรามจะค้างคอนโดคืนนี้ ตันหยงตกใจมาที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าพิรามมีคอนโด หลังจากวางสายตันหยงก็คิดหนักว่าจะเอายังไงดี เธอควรจะไปหาพิรามไหม หรือจะรอถึงเช้า เพราะถ้าไปตอนนี้ก็คงดูไม่ดี พิรามอาจจะมองข้ามคุณค่าของเธอ แต่สุดท้ายตันหยงก็ตัดสินใจโทรกลับเข้าบ้านพิรามอีกครั้ง และหลอกล่อถามจากคนรับใช้ในบ้านจนได้ที่อยู่แล้วจึงรีบออกไป
       ฝ่ายพิราม ที่กำลังคุยเครียดกับพัดชาเลขาของเขา เพราะเขาต้องการขอเลิกกับเธอ แต่พัดชาไม่ยอมแม้ว่าในตอนแรกเธอก็ไม่คิดจริงจังกับพิรามเพราะรู้ว่าเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่เมื่ออยู่กันมาถึงสองปีเธอก็คิดว่าพิรามควรเลิกกับทางตันหยงมากกว่า พิรามเสนอจะยกคอนโดห้องนี้ให้แต่พัดชาก็ไม่ยอมอีก เธอต้องการเขาเท่านั้น เมื่อตกลงกันไม่ได้พิรามกับพัดชาก็ทะเลาะกัน พิรามโมโหแต่งตัวออกจะกลับบ้าน พัดชาจึงต้องรีบวิ่งตามง้อ ในขณะที่ตันหยงเองก็เพิ่งมาถึงคอนโดฯ และกำลังหาทางจะขึ้นข้างบน พิรามก็เปิดประตูออกมาเจอกับตันหยงพอดี พิรามตกใจมากที่เจอตันหยงๆพยายามจะไม่โกรธถ้าพิรามมีเหตุผลในการอธิบายเรื่องปิดโทรศัพท์ และคอนโดฯแห่งนี้ที่เธอไม่เคยรู้ แต่พิรามยังไม่ทันจะตอบอะไร พัดชาในชุดเสื้อคลุมชุดนอนก็ลงมาและบอกทุกอย่างกับตันหยงว่า เมื่อก่อนตันหยงรู้จักเธอในฐานะเลขา แต่วันนี้เธอคือเมียของพิราม ตันหยงอึ้งว่าพิรามทำร้ายเธอได้ยังไง พิรามพยายามจะอธิบายว่ามันแค่ความต้องการของผู้ชายแต่ตันหยงไม่ฟัง วิ่งหนีออกไปพิรามจะตามไปแต่พัดชาดึงเอาไว้และขู่ว่าจะทำให้เรื่องนี้อื้อฉาวไปทั้งบริษัท หรืออาจจะแถมในแวดวงสังคมให้ด้วยถ้าพิรามยังยืนยันจะทิ้งเธอ พิรามอึ้งทำอะไรไม่ถูก
       ตันหยงเสียใจมากขับรถไปร้องไห้ไป ระหว่างนั้น บี๋ หรือ สุดนภา เพื่อนสนิทสมัยเรียนก็โทรเข้ามาต่อว่าเป็นชุดเรื่องที่เพื่อนกลับมาแล้วไม่ยอมโทรหา เห็นแฟนสำคัญกว่าเพื่อนหรือไง บี๋ใส่เป็นชุดจนได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้ของตันหยง บี๋ก็ตกใจมากตันหยงบอกแต่เพียงว่าเธอเลิกกับพิรามแล้ว ไม่ว่าบี๋จะถามอะไรตันหยงก็ไม่ตอบเอาแต่ฟูมฟายร้องไห้ บี๋บอกให้ตันหยงเป็นผู้ใหญ่ค่อยๆคิดค่อยๆแก้ปัญหา แต่ตันหยงบอกว่าถ้าเลือกได้จะขอกลับไปเป็นเด็ก เธอไม่อยากรับผิดชอบ ไม่เหนื่อยแบบนี้แล้ว ว่าแล้วปิดโทรศัพท์ไปเลย
       ปฐวีที่มางานเลี้ยงกับเพื่อนเก่าๆรวมทั้ง นาวิน ที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แต่ปฐวีที่ไม่ดื่มเหล้าก็เบื่อบรรยากาศจึงออกมาเดินเล่นนาวินออกมาตาม ปฐวีเลยได้ทีจะขอตัวกลับแต่นาวินไม่ยอมจะลากตัวไปให้ได้ ระหว่างที่ดึงกันอยู่นั้นรถของตันหยงก็แล่นมาจอดจนเกือบชนกับปฐวีและนาวิน สองหนุ่มจะเข้าไปต่อว่าตันหยง แต่พอเห็นตันหยงลงจากรถมาทั้งน้ำตาร้องไห้ไม่สนใจใคร สองหนุ่มก็ต้องกลืนคำพูดกลับไปทันทีได้แต่ยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปฐวีได้แต่มองตามตันหยงที่เดินผ่านหน้าเขาไป
       ในขณะที่นาวินลากปฐวีกลับมาร่วมงานอีกจนได้ ตันหยงก็ตรงไปในคลับของโรงแรมและเริ่มต้นดื่มเหล้า และในเวลาเดียวกันน้องเมย์ที่นอนไม่หลับตื่นมากลางดึกก็เริ่มหนาวตัวสั่นเพราะเป็นไข้และนอนกระสับกระส่าย ปฐวีเห็นว่าใกล้เที่ยงคืนจึงใช้วิธีแอบหนีออกจากงาน แต่ระหว่างเดินผ่านหน้าคลับของโรงแรม เขาก็เห็นตันหยงนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว ปฐวีแม้จะชอบในความสวยแต่ก็ส่ายหน้าเพราะตันหยงดื่มเหล้าเป็นน้ำ ปฐวีจะเดินไปแต่สุดท้ายก็อดเป็นห่วงไม่ได้ต้องเดินกลับมายืนแอบดูตันหยง โดยไม่รู้ว่าน้องเมย์ที่เริ่มหนาวสั่นมากก็เริ่มร้องเรียกหาน้าชาย พ่อ และ แม่ น้องเมย์ตัดสินใจลุกจากเตียงอย่างอ่อนแรง และเดินไปเคาะห้องพ่อกับแม่ แต่เมื่อเปิดไปดูก็ไม่เห็นใคร น้องเมย์เดินมาที่บันไดเห็นไฟเปิดอยู่ด้านล่าง จึงพยายามออกแรงเรียกแม่ แต่ประภัสสรที่นั่งเศร้าครุ่นคิดถึงคำพูดของเมธีก็น้อยใจ จนสักพักก็ได้ยินเสียงน้องเมย์ แต่พอหันไปดูน้องเมย์ก็หมดแรงตกบันไดลงมา ประภัสสรร้องกรี๊ดดดดดดลั่น
       ปฐวี ที่ยังยืนแอบดูตันหยงอยู่ ก็เห็นว่ามีผู้ชายสองคนพยายามเข้ามาเกาะแกะตันหยงจะลากไปด้วยกัน แต่ตันหยงไม่เล่นด้วย ปฐวีทนไม่ไหวตัดสินใจเดินเข้าไปทำฟอร์มเป็นเพื่อนตันหยงเพื่อไล่ผู้ชายสองคนนั้น พอผู้ชายไปแล้วปฐวีก็ห้ามตันหยงไม่ให้ดื่มอีก แต่ตันหยงเมาเกินกว่าจะคุยรู้เรื่อง ปฐวี แนะนำว่าห้ามขับรถระหว่างนั้นประภัสสรก็โทรศัพท์เข้ามาแจ้งข่าวน้องเมย์ ปฐวีตกใจมากรีบวิ่งออกไปทันที แต่ไม่วายโทรเรียกนาวินให้มาช่วยดูตันหยงต่อ เพราะอาการดูแปลกๆ
       เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปฐวี ก็รีบเข้าร่วมกับทีมแพทย์รักษาน้องเมย์ในห้องฉุกเฉินทันที ประภัสสรเอาแต่ร้องไห้จนปรงทองต้องคอยปลอบและเตือนสติให้เรียกเมธีกลับมาด่วน ทางด้านตันหยงที่ออกจากโรงแรมโดยมีนาวีเดินตาม แต่ไม่สามารถประคองได้เพราะตันหยงไม่ให้แตะตัว นาวินพยายามห้ามไม่ให้ตันหยงขับรถแต่ตันหยงไม่ฟังผลักนาวินล้มลงแล้วขึ้นรถขับออกไป นาวินรีบไปขึ้นรถตัวเองจะขับตามไปแต่ก็ไม่ทันเพราะรถตัวเขาเองอยู่ไกล แต่เห็นรถของชายสองคนวิ่งตามรถตันหยงไป นาวินจึงได้แต่แจ้งรายการวิทยุเผื่อมีใครเจอและจะห้ามรถของตันหยงได้ ระหว่างทางที่ขับตันหยงก็เอาแต่ฟูมฟายเรื่องพิราม แม้ว่าพิรามจะโทรมาก็ไม่รับสาย จนรถมาติดไฟแดงชายสองคนก็พยายามจะเคาะกระจกเพื่อขอมาขับให้ ตันหยงเลยขับหนี ชายสองคนขับตาม สุดท้ายตันหยงเสียหลักรถพุ่งลงข้างทาง ชายสองคนพอเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจจึงชวนกันหนีไป ตันหยงที่อยู่ในรถเริ่มได้สติจึงออกมานอกรถแล้วปวดหัวจะเรียกคนช่วยแต่ไม่มีใครเห็นเธอๆจึงแปลกใจมาก ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงรีบจะกลับไปรับในรถ แต่พอมองเข้าไปก็ต้องตกใจที่เห็นร่างตัวเองอยู่ในรถ ตันหยงช็อคทันที
       ปฐวี กับทีมแพทย์ที่ช่วยน้องเมย์อยู่ ต่างก็สิ้นหวังที่หัวใจน้องเมย์เต้นอ่อนแรงเหลือเกิน ร่างของน้องเมย์เองก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเห็นแม่ร้องไห้อยู่กับยายก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น จังหวะเดียวกันที่ร่างของตันหยงก็ถูกนำมาที่ห้องไอซียูเช่นกัน ตันหยงเศร้าใจที่รู้ว่าตัวเองต้องตายแน่จึงไม่กล้าเดินเข้าห้องฉุกเฉิน ระหว่างนั้นก็รู้สึกแปลกๆที่มีมือมาจับมือเธอ ตันหยงงงที่เด็กผู้หญิงคนนี้มีสภาพเหมือนเธอ แต่ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรก็มีแสงขาวสว่างวาบขึ้น แล้วร่างของเด็กผู้หญิง (น้องเมย์) ก็ลอยจากเธอไปด้านบน ในขณะที่ตันหยงพยายามจะดึงร่างเด็กผู้หญิงไว้แต่ร่างของเธอเองก็ถูกดูดเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับมืดไปในความรู้สึกของตันหยง แต่เป็นช่วงเดียวกับชีพจรและจังหวะการเต้นของหัวใจของน้องเมย์กลับดีขึ้น ดีขึ้น และดีจนทุกคนแปลกใจ ปฐวีนำข่าวดีมาบอกประภัสสรและปรงทอง ทุกคนดีใจมากแม้น้องเมย์จะยังหลับอยู่ แต่ก็เป็นการหลับที่ทุกคนรออย่างมีความสุข รวมถึงเมธีที่เดินทางมาถึงในตอนเช้ามืด
       ตันหยงรู้สึกตัวพบว่าตัวเธอมาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่สิ่งที่น่าตกใจคือเธอเจอกับคุณหมอหนุ่มรูปหล่อผิวขาวคนหนึ่งอายุราวสามสิบกว่าที่เข้ามาดูอาการของเธอ ชายหนุ่มเรียกแทนตัวเองกับเธอว่าน้า และเรียกตันหยงว่าน้องเมย์ เธอจึงบอกเค้าไปว่าเธอไม่ใช่ชื่อน้องเมย์เธอจะพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนเค้าจะไม่เชื่อ เมื่อแน่ใจว่าคงมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับเธอ ตันหยงจึงสำรวจตัวเองพบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กผู้หญิงน่ารักวัยห้าขวบคนหนึ่ง ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือเด็กผู้หญิงคนนี้คือคนเดียวกับที่เธอเจอในความฝันตอนที่ยังหมดสติอยู่ และคุณหมอรูปหล่อผู้นี้ที่เธอคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน คงจะเป็นน้าของน้องเมย์ร่างที่เธออยู่ในตอนนี้ พอสักครู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาเยี่ยมเธอและเรียกตันหยงว่าลูก เธอจึงรู้ว่าประภัสสรเป็นแม่ของน้องเมย์ เมื่อตันหยงยอมพอจะรับความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้แล้ว เธอจึงยอมเป็นน้องเมย์กับร่างนี้ไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีกลับคืนร่างเดิมของเธอ ที่ตอนนี้คงจะอยู่ในโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
       โดยระหว่างที่อยู่นี้ตันหยงก็แอบหาโอกาสโทรศัพท์ไปหาบี๋เพื่อจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง แต่บี๋ที่มาเฝ้าร่างตันหยงอยู่ในห้องไอซียูได้รับโทรศัพท์เสียงเด็กที่อ้างว่าเป็นตันหยงก็โกรธทันที เธอคิดว่ามีเด็กบ้ามาแอบอ้าง จึงไม่ยอมบอกพ่อกับแม่ของตันหยงให้เสียใจ ตันหยงเองเมื่อเพื่อนสนิทยังไม่ยอมเชื่อจึงเริ่มคิดว่าจะทำยังไงกับพ่อกับแม่ของเธอดี
       ไม่เพียงแต่เรื่องการกลับร่างเดิมและการบอกข่าวกับพ่อและแม่ที่ตันหยงจะต้องกังวลแล้ว แต่ปัญหาใหม่ที่เข้ามาอีกอย่างก็คือสรีระที่เปลี่ยนไปของเธอ เพราะแม้แต่จะลงจากเตียงผู้ป่วยตันหยงก็ต้องใช้วิธีกระโดดจนระบมไปหมด นี่ยังไม่นับประดาสารพัดของเล่นที่เหล่าพยาบาลจะแอบมาให้เธอเพื่อเป็นสะพานเชื่อมไปหาปฐวีจนตันหยงแทบจะเป็นภูมิแพ้เพราะขนตุ๊กตานานาชนิด ทุกอย่างมันแย่สำหรับร่างใหม่ไปหมด จะดีอยู่บ้างก็ตรงที่คนเห็นเธอเป็นเด็ก เวลาไปไหนมาไหนก็จะมีแต่คนคอยช่วยเหลือตลอด
       พิราม มาเยี่ยมตันหยงและได้เจอกับบี๋และพ่อแม่ของตันหยง พิรามจะเข้าไปดูแลตันหยงจับไม้จับมือแต่บี๋ห้ามแบบไม่แคร์ความรู้สึกของพิราม จนพ่อกับแม่ของตันหยงงงกับการกระทำของบี๋ บี๋ลากพิรามออกมาคุยกันและด่าว่าพิรามต้องเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ตันหยงเป็นแบบนี้แน่ๆ เพราะครั้งสุดท้ายที่คุยกันคือตันหยงเสียใจเรื่องพิราม พิรามไม่กล้าพูดเรื่องพัดชา ระหว่างนั้นพัดชาก็โผล่มาและแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของพิราม บี๋เข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที บี๋บอกให้พิรามทำอะไรก็ได้ที่ดีกับตันหยงและครอบครัว จะเลือกพัดชาก็ได้ แต่อย่ามาให้พวกบ้านนี้เห็นหน้าอีกถ้ายังมีความเป็นคนอยู่
       ทางด้านแพทย์เจ้าของไข้ของตันหยง ก็ตรวจเช็คอย่างละเอียดไม่พบความผิดปกติของร่างการของตันหยงใดๆเลยนอกจากเธอเหมือนจะหลับไป เพราะไม่ว่าผลการเอ็กซเรย์สมองหรือส่วนอื่นๆทุกอย่างก็ปกติ ทำให้แพทย์ต้องขอเวลาตั้งหลักในการรักษาอย่างถี่ถ้วน
       หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปในโรงพยาบาลตันหยงเริ่มจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับน้องเมย์มากขึ้นเรื่อยๆ เด็กหญิงน่ารักวัยห้าขวบที่หน้าตาออกไปทางเด็กลูกครึ่งเนื่องจากคุณย่ามีเชื่อสายชาวอังกฤษ มีชื่อจริงว่าเมริน เป็นลูกสาวคนเดียวของเมธีและประภัสสร และยังเป็นหลานสาวคนโปรดของคุณย่าที่เป็นถึงคุณหญิงปรงทอง โภควันต์ผู้ดีเก่าที่ตันหยงเคยได้ยินเรื่องราวของท่านมาบ้างในวงสังคมไฮโซ ส่วนคุณหมอรูปหล่อคนนั้นคือปฐวีเป็นน้าของน้องเมย์ที่สนิทกับหลานสาวมาก อีกคนหนึ่งคือปรางค์ทิพย์ผู้เป็นป้าของน้องเมย์มีลูกสาวสองคนชื่อปรงแก้วกับปรงขวัญวัยไล่เลี่ยกับน้องเมย์ แต่ดูเหมือนว่าปรางค์ทิพท์จะไม่ค่อยชอบน้องเมย์เท่าไหร่ เพราะตลอดเวลาที่น้องเมย์พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปรางค์ทิพย์ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยอ้างว่าติดธุระบ้างไม่ว่างบ้าง จะมีก็แต่ประภัสสร ปฐวี และคุณหญิงปรงทองที่คอยมาเยี่ยมหลานสาวคนโปรดอยู่ประจำ ส่วนเมธีก็มาบ้างเพราะต้องทำงานที่ส่วนใหญ่จะต้องไปต่างจังหวัด แต่ตันหยงรับรู้ได้ว่าทั้งเมธีและประภัสสรต่างก็รักลูกสาวคนนี้มากเพียงใด ถึงแม้เมธีจะไม่ค่อยได้กลับบ้านหรือบ้างทีที่กลับบ้านดึกๆไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว แต่ทุกครั้งที่เธอได้เจอเมธีตันหยงรู้ว่าเค้ารักลูกสาวคนนี้มากมายแค่ไหน เวลาผ่านไปเร็วมากตันหยงเริ่มปรับตัวได้มากแล้ว กับร่างของน้องเมย์และได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งทำให้เธอเริ่มจะสนุกการใช้ชีวิต
       แต่ยังมีอยู่สองสิ่งที่เธอไม่สามารถปรับตัวเข้ากับมันได้นั่นก็คือการไปโรงเรียนอนุบาล เพราะตันหยงเรียนมามากพอแล้วจึงไม่อยากไปโรงเรียนที่มีแต่พวกเด็กๆร้องเสียงดังยิ่งกว่าผึ้งรังแตกเสียอีก สิ่งที่สองคือสุนัขตัวโปรดของน้องเมย์ที่ชื่อหนุงหนิง มันไม่น่ารักเลยแถมยังตัวใหญ่ไม่สมกับชื่อที่ตั้งเลยสักนิด ช่างเหมือนกับปีศาจในหนังสยองขวัญฝรั่งเรื่องหนึ่งที่เธอเคยดูมาก่อน เช้าวันนี้ประภัสสรเข้ามาปลุกน้องเมย์แต่เช้าเพื่อจะได้ไปโรงเรียนหลังจากที่ขาดเรียนมาหลายวันแล้ว และอาการน้องเมย์ก็หายดีน่าจะไปโรงเรียนได้แล้ว ด้วยความที่ตันหยงไม่อยากไปโรงเรียนและเธอก็อยู่ในร่างของน้องเมย์ จึงเห็นทางออกวิธีที่ไม่ต้องไปโรงเรียนได้โดยการออดอ้อนขอประภัสสรอีกนิดเล่นละครอีกหน่อย ด้วยความที่รักและสงสารกลัวลูกเจ็บจึงยอมใจอ่อนตามใจน้องเมย์
       พอนานวันเข้าประภัสสรก็กังวลกลัวว่าลูกสาวจะเรียนไม่ทันเพื่อนในชั้น จึงไปปรึกษากับปฐวีน้องชายเกี่ยวกับเรื่องที่น้องเมย์ไม่ยอมไปโรงเรียน ปฐวีรับปากพี่สาวว่าเค้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เช้าวันถัดมาปฐวีก็เข้าไปปลุกหลานสาวถึงในห้องนอน เพื่อเช้านี้หลานสาวจะได้ทันไปโรงเรียน แต่ตันหยงไม่ยอมปฐวีจึงแกล้งจี้เอวหลานสาว เพราะเค้ารู้ดีว่ามันเป็นจุดอ่อนที่น้องเมย์ต้องยอม ทำให้ทั้งสองใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกันตันหยงรู้สึกถึงหัวใจตัวเองที่เต้นโครมจนแถบจะทะลุออกมา แม้กับพิรามตันหยงก็ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน แต่ติดที่ว่าตอนนี้เธอคือหลานสาวของปฐวีจึงไม่สามารถจะแสดงออกมาได้ จึงต้องยอมไปโรงเรียนโดยมีปฐวีไปส่ง
       เมื่อมาถึงโรงเรียน ตันหยงก็ดีใจจนเนื้อเต้นจนปฐวีงง และยิ่งเมื่อเจอกับบี๋ที่เป็นครูของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ ตันหยงก็ทักทายราวเพื่อนสนิทชนิทที่บี๋เองก็อึ้งกิมกี่เลย ตันหยงรู้ทันทีว่าคงจะบอกอะไรกับบี๋ตอนนี้ไม่ได้ ตันหยงเรียนอยู่ชั้นอนุบาล3/1โดยมีบี๋เป็นครูประจำชั้น จากเหตุการณ์ตอนนี้ทำให้ตันหยงได้รู้ว่าที่แท้ยัยบี๋เพื่อนรักน่าจะแอบชอบปฐวีอยู่แน่ๆ เพราะชวนคุยเป็นนานสองนาน
       เมื่อส่งน้องเมย์เข้าเรียนแล้ว ปฐวีก็แวะมาหานาวินที่เป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว ปฐวี ถามนาวินเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขาฝากให้ดูเมื่ออาทิตย์ก่อน นาวินพอนึกออกก็จำได้ว่าครั้งสุดท้ายคือโดนเจ้าหล่อนผลักแล้วก็ขึ้นรถหายไปเลย นาวินเริ่มจับสัญญาณได้ว่าเพื่อนรักคงจะแอบชอบผู้หญิงคนนี้ แต่ก็งงว่าผู้หญิงขี้เมาก๋ากั่นแบบนี้น่ะเหรอจะเหมาะกับคุณหมอที่ไม่แตะแอลกอฮอลแม้แต่หยดเดียว ปฐวี ขำที่เพื่อนคิดเป็นเรื่องเป็นราว เพราะตัวเขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเป็นห่วงเพื่อนมนุษย์ แต่ในใจจริงก็แอบนึกถึงอยู่เหมือนกัน ก่อนกลับปฐวีจึงฝากให้นาวินช่วยดูหลานสาวเป็นกรณีพิเศษหน่อย เพราะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล
       การกลับมาเรียนของน้องเมย์วันแรก ทำให้เธอถูกเพื่อนๆในห้องเรียนมองอย่างกับว่าเธอเป็นตัวประหลาด ไม่เว้นแม้แต่บี๋ที่เป็นครูประจำชั้น เพียงแค่เธอตอบคณิตคิดในใจได้ถูกหมดทุกข้อ ก็เพราะเธอผ่านช่วงวัยอนุบาลมานานแล้วต่างหาก วันนี้ตันหยงได้เพื่อนใหม่ตัวน้อยชื่อน้องแคท หรือคัทลียาเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง ขี้กลัว ขี้ตกใจชอบทำหน้าตื่นๆอยู่ตลอดเวลา ทำให้น้องแคทค่อยตันหยงตลอดเวลาเพราะเธอยกให้ตันหยงเป็นลูกพี่ แต่น้องก็สังเกตเห็นว่าน้องเมย์ไม่ชอบขนมหวานๆเหมือนอย่างเธอกับเพื่อนๆหลายคนในห้องเรียนที่ต่างพากันชอบขนมหวาน
       นาวินเรียกตัวบี๋มาพบและขอให้ดูแลน้องเมย์ให้มากกว่าปกติ บี๋บอกไม่ต้องห่วงเธอดูแลพิเศษอยู่แล้วๆ นาวินแอบเศร้าเพราะรู้ว่าบี๋น่าจะชอบเพื่อนเขา
       พอถึงตอนเย็นได้เวลากลับบ้านประภัสสรก็มารับลูกสาวกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านแล้วประภัสสรจึงชวนน้องเมย์ไปหาคุณยายที่บ้านใหญ่ คุณหญิงปรงทองจึงชวนทั้งสองแม่ลูกนั่งทานขนมไทยที่ท่านเตรียมไว้ทานกับท่านและคุยกันตามประสา จนกระทั้งปฐวีกลับจากทำงานเข้ามาร่วมสนทนาคุณหญิงและพี่สาว ก่อนจะเข้ามาอุ้มหลานสาวไปกอดและหอมแก้มตามความเคยชิน เพราะทั้งเขาและน้องเมย์สนิทกันมากยิ่งกว่าพ่อกับลูกเสียอีก ทำให้ตันหยงตกใจจึงพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนชายหนุ่ม แต่ก็ไม่สามารถทำได้จึงได้แต่นั่งเขินอายอยู่บนตักปฐวีด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จนถึงเวลาอาหารเย็นคุณหญิงปรงทองจึงชวนประภัสสรและเธออยู่ทานข้าวด้วยกัน ระหว่างนั้นปรางค์ทิพย์ที่นำกับข้าวมาให้คุณหญิงปรงทองทาน แต่พอเห็นประภัสสรและน้องเมย์ก็จงใจพูดแขวะประภัสสรเรื่องที่เมธีสามีไม่ค่อยได้กลับมาทานข้าวที่บ้าน ทำให้ประภัสสรถึงกับน้ำตาคลอเบ้าจริงอย่างที่ปรางค์พูด ตันหยงมองหน้าผู้เป็นป้าอย่างนึกเกลียดขี้หน้าในความปากร้าย คุณหญิงจึงพูดตัดบทเมื่อเห็นว่าตันหยงมีสีหน้ากับผู้เป็นป้า ชวนตันหยกไปทานข้าวเพื่อเลี่ยงฟังคำพูดจากปรางค์ทิพย์
       กิจวัตรอีกอย่างที่ตันหยงทำเป็นประจำ นั่นคือพยายามหาข่าวตัวเองบนหนังสือพิมพ์ทุกฉบับก่อนนอนทุกคืน ที่ต้องอ่านตอนกลางคืนเพราะกลัวว่าผู้ที่มาเห็นอาจจะตกใจไปตามๆกัน เพราะคงไม่มีเด็กที่อายุห้าขวบคนไหนมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์แบบเธอหรอก ตันหยงหวังในใจว่าบางทีอาจมีข่าวเกี่ยวกับเธอบ้างบนหน้าหนังสือพิมพ์ อาจจะมีข่าวอุบัติเหตุหรืองานศพของเธอบ้างแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่เคยมีข่าวของเธอเลย หลายครั้งที่เธอขอร้องให้ประภัสสรพาไปแถวๆบ้านเดิมของเธอ แต่ก็ไม่กล้าเข้าบ้านของเธอเองทั้งๆที่บ้านอยู่ตรงหน้าของเธอเอง
       หนักๆเข้าตันหยงทนคิดถึงพ่อกับแม่ไม่ไหว บางครั้งตันหยงก็โทรศัพท์ไปหาแม่(คุณบุหงา) แต่ก็ไม่กล้าบอกว่าเธอคือตันหยง ได้แต่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบไปอ้อมจนแม่งงว่าเด็กที่ไหนมาถาม หลายๆครั้งเพื่อความสบายใจของแม่ เธอเลยไม่พูดอะไร เพียงแค่ได้ฟังเสียงแม่เธอก็มีความสุขแล้ว แม้ตันหยงปรับตัวกับการใช้ชีวิตในบ้านหลังใหม่นี้ได้แล้ว แต่เธอก็ยังคิดถึงชีวิตเดิมๆตอนอายุยี่สิบห้าของเธอ เพราะชีวิตปัจจุบันของน้องเมย์ที่ดูภายนอกจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเพราะเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ความจริงแล้วเธอต้องเจอกับการหักหลัง ความไม่ซื่อตรง การอิจฉากันเองในครอบครัว ยิ่งเมธีและประภัสสรที่เป็นพ่อกับแม่ของน้องเมย์ทั้งสองทะเลาะกันทุกวัน แม้จะอยู่ต่อหน้าลูกก็พูดจากันดีแต่พอลับหลังก็ทะเลาะกัน เรื่องนี้ตันหยงรู้ดี แต่จะให้โทษเมธีฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะคนที่พูดพลักใสให้เข้าต้องออกไปหาความสุขนอกคือประภัสสรเอง ที่ทั้งยังอยู่ด้วยกันเพราะลูกตันหยงรู้ว่าน้องเมย์เป็นที่รักของทั้งสองคนมากเพียงใด
       ในเช้าวันนี้ปฐวีเป็นคนไปส่งน้องเมย์ไปโรงเรียน ระหว่างทางน้องเมย์เอาแต่พูดถึงเรื่องปัญหาครอบครัว แสดงความคิดเห็นแบบผู้ใหญ่ที่เคยผ่านเรื่องเจ็บปวดพวกนี้มาก่อน ทำให้ปฐวีประหลาดใจกับความคิดของหลานสาว พอตอนเย็นทั้งประภัสสรและปฐวีไม่ได้มารับน้องเมย์ แต่เป็นลุงแก้วที่มารับเธอแทน ตันหยงนั่งรถกลับบ้านอย่างมีความสุขยิ้มมาตลอดทาง เพราะวันนี้ที่โรงเรียนเธอได้รับดอกไม้แสนสวยจากน้องนนท์เพื่อนร่วมชั้นที่แอบชอบน้องเมย์ ตันหยงคิดแบบผู้ใหญ่เด็กสมัยนี้แก่แดดกันเร็วจริง ทั้งๆที่ไม่รู้ความหมายของคำว่าแฟน คำว่าความรักเลยสักนิดแต่ก็ยังมาขอเป็นแฟน เพราะปัจจุบันเรื่องพวกนี้คงกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
       วันต่อมาที่โรงเรียน บี๋ แอบเรียกน้องเมย์มาหลอกถามเรื่องปฐวี น้องเมย์เลยถามกลับว่าครูบี๋ชอบน้าหนูใช่ไหม เดี๋ยวช่วยให้บี๋อายมากคิดไม่ถึงว่าเมย์จะฉลาดขนาดนี้ พอแยกจากบี๋มาก็มาเจอนาวินอีก นาวินไม่รู้ว่าตันหยงเพิ่งแยกจากบี๋ ก็แกล้งชวนไปซื้อขนมแล้วชวนไปทานกับครูบี๋ ตันหยงจึงรู้อีกว่านาวินแอบชอบบี๋เพื่อนของเธอ ระหว่างพักตันหยงจึงนั่งเขียนแผนผังความสัมพันธ์ของรักสามเส้า แต่ถ้าให้เลือกช่วยเธอก็ต้องช่วยเพื่อนของเธอก่อน ดังนั้นตันหยงจึงเริ่มเป็นแม่สื่อให้กับบี๋และปฐวีไปทานข้าวหลังเลิกเรียน แต่ปฐวีดันชวนนาวินไปด้วยกันสุดท้าย เมื่อแยกกันตันหยงจึงได้รู้ว่าปฐวียังไม่ชอบใคร แต่ก็มีที่แอบชอบอยู่ซึ่งไม่ว่าจะหลอกถามยังไง ปฐวีก็ไม่พูด เพราะเขาคิดว่าคงไม่ได้เจอกับสาวสวยคนนั้นอีกแล้ว เมื่อคุยกันไปปฐวีก็เริ่มสังเกตว่า หลานสาวตัวน้อยของเขานี่ความคิดโตเกินวัยไม่น้อยเลยนะ ปฐวีเริ่มทำเป็นมาสอนการบ้านน้องเมย์ แต่ต้องอึ้งที่เปิดสมุดเล่มไหนมาน้องเมย์ก็ทำถูกหมด แถมลายมือยังพัฒนาไปเร็วมาก
       พิรามมาเฝ้าตันหยงแบบเช้าถึงเย็นถึงจนพัดชาเริ่มทนไม่ไหว และสุดท้ายเธอก็ขอเป็นฝ่ายจากไปและลาออกจากบริษัทไป พิรามบอกข่าวดีทั้งๆที่ร่างของตันหยงยังหลับอยู่
       ทางด้านแพทย์เจ้าของไข้ตันหยงก็นำผลเรื่องการรักษาไปปรึกษากับ ปฐวีๆจึงเข้ามาช่วยดูอาการ พอเห็นว่าหญิงสาวที่หลับอยู่คือตันหยง ปฐวีเริ่มเช็คประวัติและรู้ว่าเธอเกิดอุบัติเหตุในคืนที่เขาต้องกลับมาดูแลน้องเมย์ ปฐวีพยายามตรวจเช็คอย่างละเอียดตามสายของศัลยกรรมประสาทที่เขาเชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่พบว่าจะต้องรักษาด้านไหน ปฐวีจึงขอโอนคนไข้คนนี้มาดูแลเองยังความสบายใจมาให้หมอเจ้าของไข้มาก แต่ปฐวีก็เฝ้าดูอยู่ได้ไม่กี่วันเขาก็ได้พบกับพิราม ที่แนะนำตัวเองว่าเป็นคู่หมั้นของตันหยง แต่แม้ว่าจะยังไงปฐวีก็ยืนยันจะรักษาตันหยงต่ออย่างดีที่สุด
       วันหนึ่ง เป็นวันเกิดน้องเมย์ ปฐวี ประภัสสร เมธี ถามว่าอยากได้อะไร น้องเมย์ตอบเพียงว่าอยากทำบุญใส่บาตรก็พอ เล่นเอาผู้ใหญ่อึ้งกันไป และขณะทำบุญอยู่นั้นช่วงที่น้องเมย์รีบศีลจากพระ ปฐวีก็เห็นร่างของตันหยงจนเขาเองก็งงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง ปฐวีเอาเรื่องนี้มาปรึกษานาวินแม้นาวินไม่อยากจะเชื่อ แต่เขาเองก็พอรู้มาเหมือนกันทั้งจากครูบี๋และครูคนอื่นๆว่าเมย์มีพัฒนาการต่างกับเมื่อก่อนจนแทบจะเรียกได้ว่าคนละคนกันเลย แต่สุดท้ายปฐวีก็สรุปในทางวิทยาศาสตร์ว่าเกิดจากการกระทบกระเทือนของสมองตอนเกิดอุบัติเหตุ เรื่องทั้งหมดที่คุยกันบี๋เองก็แอบได้ยิน จึงกลับมาถามหาความจริงกับเมย์ ซึ่งตันหยงก็ยืนยันว่าเธอไม่ใช่เมย์ แต่เธอคือตันหยงที่เป็นเพื่อนของบี๋ บี๋ยังไม่ปักใจเชื่อตันหยงจึงพิสูจน์ด้วยการออกไปช้อปปิ้งกับบี๋และบรรยาได้ทุกสถานที่ๆพวกเธอเคยไปสมัยอยู่มหาวิทยาลัย สุดท้ายบี๋เป็นลมตันหยงต้องช่วยพยาบาล เมื่อฟื้นขึ้นบี๋ก็อายเรื่องที่ตันหยงรู้ว่าเธอชอบปฐวี ตันหยงบอกว่านาวินก็ชอบบี๋นะ แต่บี๋บอกไม่เอาชอบปฐวีมากกว่า ตันหยงบอกได้จะช่วยให้ แต่พูดไปก็รู้สึกแปลกๆกับหัวใจตัวเอง
       ตันหยงขอให้บี๋พาไปหาร่างของเธอที่โรงพยาบาล และตันหยงถึงได้รู้ว่าที่แท้ก็อยู่โรงพยาบาลเดียวกัน และที่นั่นทั้งสองได้เจอกับพิราม ตันหยงขอให้บี๋ปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนอย่าเพิ่งบอกใคร ตันหยงจึงได้รู้ว่าพิรามยังรักเธออยู่ ทุกครั้งในยามว่างไม่ว่าจะเช้าเย็นหรือวันหยุดพิรามจะมาอ่านหนังสือให้ฟัง หรือมาเฝ้าเธอคอยจับพลิกตัว และดูแลไปถึงพ่อกับแม่ของตันหยงด้วย บางครั้งตันหยงก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกลึกๆของพิรามว่าที่เขายังรักเธอและครอบครัว ก็เพราะเขาไม่มีพ่อแม่อีกแล้ว เขาจึงรู้สึกว่าตันหยงและพ่อแม่คือครอบครัวของเขาที่เขาจะไม่ยอมเสียไปอีก ตันหยงเริ่มรู้สึกสับสนว่าจะเอาอย่างไรดีกับความรู้สึกที่มีต่อพิราม และยิ่งเมื่อเธอรู้ว่าปฐวีเป็นแพทย์เจ้าของไข้ ตันหยงก็แสดงออกถึงความสนใจในอาการของผู้ป่วยรายนี้เป็นอย่างมากจนปฐวีแปลกใจ ตันหยงมักจะขอปฐวีตามมาดูแลตันหยงอยู่เรื่อยๆ จนตันหยงเริ่มรู้ว่าที่แท้ผู้หญิงที่ปฐวีแอบชอบก็คือเธอนั่นเอง และเมื่อมาบ่อยๆก็ได้เจอกับพ่อและแม่ของเธอเอง ตันหยงในร่างของน้องเมย์ขอเข้าไปกอดกับพ่อและแม่ร้องไห้ ซึ่งทั้งสองแม้จะงงแต่ก็กอดเด็กหญิงแน่น เล่นเอาพิราม ปฐวีและพ่อแม่ของตันหยงงงไปตามๆกัน
       วันนั้นขณะนั่งรถของปฐวีกลับบ้าน ตันหยงอารมณ์ดีนั่งฮัมเพลงไปเรื่อยจนปฐวีแปลกใจเพราะเพลงที่เธอร้องหรือเธอเลือกฟังมันเป็นเพลงผู้ใหญ่ น้องเมย์เองก็บอกตรงๆว่าถ้าวันหนึ่งเขาพบว่าเธอไม่ใช่หลานของเขาล่ะ ปฐวีได้ฟังก็อึ้งไป เพราะนึกถึงร่างของตันหยงที่เขาเคยแอบเห็นตอนใส่บาตร รวมทั้งสิ่งแปลกๆที่เกิดขึ้น แต่ปฐวีก็คิดว่าไม่มีทางที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
       ปฐวี มาถามเรื่องความสัมพันธ์ของบี๋กับตันหยง และได้รู้ว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมาก แต่บี๋ก็โกหกทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าตันหยงอยู่ในร่างของน้องเมย์ตามที่ตันหยงขอร้องไว้ เพราะเธอเกรงว่าถ้าถึงตอนนี้แล้วเกิดปฐวีรู้ความจริง เขาอาจจะห่างเธอไปและเธอคงไม่มีใครเป็นเพื่อน เป็นคู่คิด เป็นคนคอยให้คำปรึกษา
       วันหยุด เมธีกลับมาบ้าน น้องเมย์ต้องการให้พ่อกับแม่ออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่เมื่อเจอปรางค์ทิพย์ก็พูดเหน็บให้ครอบครัวแตกแยกอีก เพราะปรางค์ทิพย์ถามว่างานเมธียุ่งอะไรนักหนาถึงต้องไม่กลับบ้าน เมธีไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย ยิ่งกลายเป็นยั่วให้ปรางทิพย์โกรธ ปรางค์ทิพย์ยุให้ประภัสสรเข้าใจว่าที่เมธีไม่ยอมกลับมากินข้าวที่บ้าน และไปต่างจังหวัดบ่อยๆเป็นเพราะแอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยอยู่ข้างนอก ประภัสสรได้แต่นั่งฟังพี่สาวพูดน้ำตาคลอเบ้า ตันหยงสงสารประภัสสรเหลือเกินแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะประภัสสรเป็นคนหัวอ่อนหูเบาเชื่อคนง่าย แต่ที่ทำให้ตันหยงทนไม่ได้คือปรางค์ทิพย์พูดจาดูถูกเมธีว่าที่มาแต่งงานกับประภัสสร เพียงแค่อยากเกาะประภัสสรยกฐานะตนให้ดีขึ้นคงไม่ใช่เพราะความรัก ตันหยงทนไม่ไหวจึงเดินเข้ามาต่อว่าปรางค์ทิพย์ในแบบที่ผู้ใหญ่ต่อว่าตำหนิกัน จนทำให้ปรางค์ทิพย์ถึงกับอึ้งจนกลายเป็นโกรธแค้นไล่ตีน้องเมย์ แต่ตันหยงก็วิ่งไปมาอย่างรวดเร็วจนปรางค์ทิพย์ตามไม่ทัน ประภัสสรเองก็ตกใจกับคำพูดของลูกสาวตัวเอง จึงพยายามห้ามน้องเมย์ไม่ให้พูดแบบนั้นกับผู้ใหญ่ ตันหยงก็พูดว่าปรางค์ทิพย์ไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ให้น่านับถือ จนสุดท้ายเมื่อเห็นว่าวิ่งไล่ตีเด็กไม่ทัน ปรางค์ทิพย์จึงไปฟ้องคุณหญิงปรงทองว่าน้องเมย์ด่าเธอ
       เมื่อคุณหญิงปรงทองถามความเป็นมาทำไมถึงด่าผู้เป็นป้า แต่ตันหยงก็บอกไปตามความจริงว่าเพราะว่าปรางค์ทิพย์มาด่าว่าพ่อเธอก่อน ทำให้ปรางค์ทิพย์ที่นั่งอยู่ข้างๆใจเสีย แต่คุณหญิงก็นึกชมหลานสาวตัวน้อยที่วันนี้ดูจะฉลาดมีเหตุผลและเอาตัวรอดเก่งทันคนเกินเด็ก แต่เนื่องจากปรางค์ทิพย์เป็นผู้ใหญ่กว่า คุณหญิงจึงตัดสินลงโทษหลานสาวด้วยดารตีสามที เมื่อปรางค์ทิพย์เห็นว่าไม่สามารถทำอะไรน้องเมย์มากไปกว่านี้แล้ว จึงขอเป็นคนตีน้องเมย์เองให้สมกับกับความแค้นที่โดนด่า ประภัสสรเจ็บปวดแทนลูกน้อยเพราะตั้งแต่เธอและเมธีเลี้ยงลูกมาไม่เคยตีลูกเลยสักครั้ง จนเสียงของปฐวีดังขึ้นชายหนุ่มมองหน้าคนที่ตีหลานสาวคนโปรดของเค้าอย่างไม่พอใจ ปฐวีพยายามขอร้องคุณหญิงให้หยุดการตี แต่ก็ไม่สามารถหยุดได้เพราะอาจจะทำให้คุณหญิงเสียคำพูด ครั้งสุดท้ายปรางค์ทิพย์จึงตีน้องเมย์เบาก่อนสองครั้งก่อน เพราะรู้ดีว่าทั้งสองคนสนิทกันมากเธอต้องเกรงใจปฐวี
       เมื่อถูกตีเสร็จตันหยงก็รีบเข้าไปกอดปฐวี เพื่อต้องการให้ความจ็บหายไป ปฐวีเองก็รู้สึกเจ็บปวดแทนหลานสาวเหมือนกัน จึงปลอบใจหลานสาวด้วยการพาน้องเมย์ไปทานไอศกรีมที่ห้างสรรพสินค้าดังแห่งหนึ่ง หลังจากทานเสร็จสองน้าหลานก็พากันไปซื้อของขวัญทั้งตุ๊กตา ชุดสวยๆของประภัสสรที่น้องเมย์และปฐวีช่วยกันเลือกซื้อ เพื่อใส่ในงานครบรอบวันเกิดแปดสิบปีของคุณหญิงปรงทอง ที่ใกล้จะถึงเพียงแค่ไม่อีกวันข้างหน้านี้ซึ่งจะจัดที่บ้านของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ตันหยงแสนจะดีใจคือสร้อยข้อมือที่ปฐวีซื้อให้ แต่พอกลับมาจากทานไอศกรีมถึงบ้าน ก็รู้ว่าเมธีและประภัสสรทะเลาะกันเรื่องที่เธอโดนตี ประภัสสรโทษว่าที่ลูกถูกตีเป็นเพราะเขาที่ไม่สามารถอยู่ปกป้องลูกสาวได้ ทำให้เมธีสำนึกผิดสงสารลูกสาวจนแทบจะไปหาเรื่องปรางค์ทิพย์ถึงที่บ้าน ตันหยงรู้ว่าเมธีรักน้องเมย์มากเพียงใด จึงพยายามทำให้เมธีใจเย็นลงด้วยการจ้อเล่าเรื่องที่วันนี้ปฐวีพาเธอไปซื้อของขวัญเยอะแยะ พร้อมทั้งอวดขวัญให้เมธีและแระภัสสรลืมเรื่องที่ทะเลาะกันเมื่อครู่นี้ ปฐวีนึกชมหลานสาวในใจกับการแก้ปัญหา เมื่อเห็นว่าพี่สาวและพี่เขยไม่ทะเลาะกันแล้วจึงขอลากลับบ้าน โดยไม่ลืมที่จะหันมากอดและหอมแก้มหลานสาวก่อนกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง ทำให้ใจของตันหยงเต้นแรงอย่างประหลาดที่ยากจะอธิบายความรู้สึก หลังจากเหตุการณ์ที่น้องเมย์ถูกตีทำให้เมธีอยู่ติดบ้านมากขึ้น แต่ก็ยังมีปากเสียงกับประภัสสรลับหลังลูกสาว ต่อหน้าก็พูดกันดีเหตุการณ์ซ้ำๆซากๆจนตันหยงเบื่อที่จะพูด ทั้งที่ประภัสสรรับปากกับลูกสาวว่าจะพูดดีๆกับเมธี แต่พอเอาเข้าจริงๆกับทำไม่ได้อย่างที่รับปากไว้
       วันหนึ่ง เมธี ที่ต้องไปพบลูกค้าและได้เจอกับนักร้องสาวสวยเอาใจเก่ง เมธีจึงเผลอไผลไปกับเธอ สุนันท์ พยายามเอาอกเอาใจเมธีทุกอย่าง และสัญญาว่าจะไม่เรียกร้องอะไรจากเมธี แต่อีกทางก็อ้างความลำบากลำบนจนเมธีต้องหาบ้านให้และรับแม่กับน้องของสุนันท์จากต่างจังหวัดมาเลี้ยงดูด้วย
       บี๋ที่มาเฝ้าตันหยงและได้เห็นการดูแลเอาใจใส่ของปฐวี ที่มีต่อร่างของตันหยง เริ่มรู้ตัวว่าเธอคงจะไม่มีสิทธิ์ในตัวปฐวี แต่เมื่อสองสาวมาคุยกันมันก็ยิ่งเป็นเรื่องลำบากใจเพราะตันหยงก็ไม่รู้จะอยู่ในร่างของน้องเมย์ไปอีกนานแค่ไหน และถึงโตไปการที่เธอกับปฐวีจะรักกันก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะเขาก็ไม่ต่างอะไรกับน้าแท้ๆของเธอ บี๋เข้าใจทุกอย่างแต่จะให้รักคนที่เขารักคนอื่นบี๋ก็ทำไม่ได้ บี๋ของอยู่คนเดียวดีกว่า ตันหยงรู้สึกเห็นใจบี๋มาก จึงแอบวางแผนให้นาวินกับบี๋ได้เจอกัน หรือเวลามีกิจกรรมโรงเรียนก็ให้นาวินบังคับให้บี๋มาอยู่ร่วมสีเดียวกัน
       ทั้งปัญหาที่บ้านพ่อแม่ทะเลาะกัน ที่โรงเรียนน้องมิงค์ก็คอยกลั่นแกล้งสารพัด เพราะน้องมิงค์ชอบน้องนนท์อยู่ แต่น้องนนท์ชอบน้องเมย์ จึงทำให้กลายเป็นปัญหารักสามเศร้าของเด็กๆ อารมณ์ที่ไม่ดีทั้งเบื่อทั้งเซ็งมาจากที่บ้านอยู่แล้ว เพราะวันนี้ปฐวีติดธุระมาส่งเธอไม่ได้มาเจอแกล้งแบบเด็กๆ อีกจึงทำให้ตันหยงระเบิดออกมา แม้ใจของตันหยงจะอายุยี่สิบห้าปีแล้ว แต่เมื่อต้องมาอยู่ในร่างเด็กอายุห้าขวบ ทำให้ไม่สามารถตอบโต้แบบที่ผู้ใหญ่ทำได้ ตันหยงจึงประกาศอวดแบบเด็กๆว่าเธอไม่ได้สนใจน้องนนท์เธอมีแฟนแล้ว ซึ่งนั่นทำให้เธอกลายเป็นคนที่เจ๋งในสายตาของเพื่อนร่วมห้อง และทำน้องนนท์และน้องมิงค์กลายเป็นเพื่อนกับเธอ แล้วอาการเบื่อๆเซ็งๆของตันหยงก็หายไป
       วันหนึ่งปฐวีแวะมารับเธอกลับบ้าน ระหว่างนั้นแม่น้องนนท์ก็เข้ามาทักน้องเมย์ เพราะลูกชายเธอพูดถึงบ่อยปฐวีจึงทักทายตอบเช่นกัน พอดีรถแม่น้องนนท์เสียปฐวีจึงอาสาพาสองแม่ลูกไปส่วที่บ้าน ระหว่างทางที่ออกจากหมู่บ้านจัดสรรตันหยงบังเอิญเห็นเมธีกำลังยืนกอดจูบกับผู้หญิงคนหนึ่งอายุคงไล่เลี่ยกับเธอ ตันหยงถึงกับช็อคพูดอะไรไม่ออก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเมธีทีบ้านเล็กบ้านน้อย แต่เมื่อมาเห็นกับตาตัวเองทำให้เธออดที่จะเจ็บปวดและสงสารประภัสสรผู้หญิงที่เธอเรียกว่าแม่ไม่ได้ เธอคงจะเจ็บปวดมากหากเธอได้มาเห็นกับตา เหมือนอย่างที่ตันหยงเคยเห็นพิรามคู่หมั้นนอนอยู่กับผู้หญิงอื่นบนเตียง ผู้ก็เหมือนกันทุกคนโลเล ไม่ซื่อสัตย์ ทรยศหักหลัง สรุปคือผู้ชายเลวหมดทุกคนในความคิดของตันหยงในตอนนี้ ทำให้ตันหยงพูดออกมาว่าเกลียดผู้ชาย ปฐวีหันมามองหลานสาวที่นั่งอยู่ข้างแล้วปลอบใจว่าที่เมธีทำลงไปคงมีเหตุผล แต่ตันหยงไม่ฟังพาลคิดว่าปฐวีเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน
       ก่อนจะถึงบ้านปฐวีขอร้องน้องเมย์อย่าบอกเรื่องที่ไปเจอวันนี้กับใคร เพราะไม่อยากหาพี่สาวต้องเสียใจตันหยงสัญญา หลังจากวันนั้นตันหยงก็งอนทั้งเมธีและปฐวี ทำตัวห่างเหินและหลบหน้าเมธีผู้เป็นพ่อ จนทำให้เมธีร้อนใจต้องถามลูกสาว ตัยหยงบอกเพียงแค่ว่าเมธีย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่ได้บอกเรื่องที่เธอเห็นเขาในวันนั้น ทำให่เมธีอยู่ติดบ้าน กลับบ้านเร็วทุกวัน และคอยไปรับไปส่งตันหยงจาหกโรงเรียนทุกวัน เอาใจน้องเมย์สารพัด การกระทำครั้งนี้ของเมธีทำให้ครอบครัวของเธอกลับมามีความสุขกันอีกครั้ง
       ระยะหลังๆนาวินแอบสังเกตว่าบี๋กับน้องเมย์พูดคุยกันแปลกๆ ไม่เห็นครูกับลูกศิษย์เลย โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กันสองคน จึงเอาเรื่องนี้ไปบอกปฐวีๆจึงเข้ามาแอบดูพฤติกรรมทั้งคู่แล้วก็ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ไม่ว่าจะคาดคั้นอย่างไรสองสาวก็ไม่ปริปากพูดเด็ดขาด เพราะถึงตอนนี้ตันหยงกลัวที่ปฐวีจะรู้ความจริงและไม่รักเอ็นดูเธอเหมือนหลานอีกต่อไป
       เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อช่วงที่น้องเมย์ต้องสอบเพื่อเรียนต่อในชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ตันหยงมั่นใจกับการสอบครั้งนี้มาก และยังตั้งตัวเองเป็นติวเตอร์ให้กับเพื่อนๆนักเรียนในห้องอีกด้วย ในวันสอบสุดท้ายทางโรงเรียนได้มีการเลี้ยงเล็กๆฉลองจบชั้นอนุบาล วันนี้เป็นวันที่เด็กต่างพากันสนุก น้องนนท์เข้ามาสารภาพรักกันน้องเมย์ แต่ตันหยงรู้ทันเพราะน้องนนท์เลี่ยนแบบคำพูด มาจากในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ตันหยงเคยอ่านมาก่อน หลังจากสอบเสร็จวันประกาศผลสอบน้องเมย์สอบได้ที่หนึ่ง สร้างความฮือฮามากในขณะคุณครูในโรงเรียน ที่ได้คะแนนสอบสูงทุกวิชาราวกับมีปราฏิหาริย์ ครูบางคนลงความเห็นว่าอาจเป็นเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้น เลยทำให้สมองของเธอมีรอยหยักเพิ่ม บางคนก็คิดว่าเธอไปผ่าตัดสมองเพิ่มรอยหยักมา ต่างฝ่ายต่างพากันแสดงความคิดเห็นของตน และยังมีการประชุมเพื่อเลื่อนชั้นให้เธอตามความสามารถของเธอ
       ในวันรับใบประกาศนียบัตรทุกคนมาแสดงความยินดีกับเธอมาก แต่คนที่เห็นจะอิจฉาเค้าคงหนีไม้พ้นปรางค์ทิพย์ เพราะคุณหญิงปรงทองให้สร้อยทองของเก่าแก่เป็นรางวัลที่สอบได้ที่หนึ่งและไดโล่รางวัลเรียนดี ในขณะที่ลูกสาวเธอได้แค่ตุ๊กตาธรรมดาๆเป็นรางวัลเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้ปรางค์ทิพย์ถึงกับปฏิญาณกับตนเอง ว่าลูกสาวของเธอจะต้องได้ดีกว่าลูกสาวของประภัสสร โดยช่วงปิดเทอมปรางค์ทิพย์ได้จ้างครูสอนพิเศษให้มาสอนลูกสาวทั้งด้านวิชาการและดนตรี ทำให้ลูกสาวทั้งสองไม่มีเวลาเที่ยวเล่นหรือแม้แต่จะพักผ่อนตามประสาเด็กเลย ทุกคนในบ้านรู้กันดีว่าปรางค์ทิพย์ไม่เคยหวังดีกับใคร โดยเฉพาะปรางค์ทิพย์เธออิจฉาประภัสสรมาตั้งแต่สมัยสาวๆเพราะเธอแอบชอบเมธีตั้งแต่สมัยที่มาอาศัยอยู่บ้านใหม่ๆ แต่เมธีกับประภัสสรดันรักกันเธอจึงหมดโอกาส จนถึงปัจจุบัน ที่คอยแวะไปคุยกับประภัสสรที่บ้านแท้จริงก็เพื่อพูดยุให้ครอบครัวทะเลาะกัน
       ด้วยความที่ประภัสสรเป็นคนหูเบาเชื่อคนง่าย ปรางค์ทิพย์จึงใช้วิธีพูดคอยทำร้ายประภัสสร เมื่อเกิดปากเสียงทะเลาะกันคนที่สาสมใจก็คงหนีไม่พ้นปรางค์ หลังจากรับใบประกาศนียบัตรเสร็จแล้วคุณหญิงก็พาทุกคนไปทานข้าวฉลองกัน ก่อนกลับบ้านตันหยงขอให้ปฐวีพาไปสวนสนุก ปราค์ทิพย์เริ่มแขวะถึงความอยุติธรรมที่ปฐวีไม่เคยสนใจปรงแก้วปรงขวัญ แต่พอชวนจริงๆเด็กหญิงทั้งสองก็ไม่อยากไป ทำให้ปรางค์ทิพย์รู้สึกขัดใจมาก
       ที่สวนสนุก ทั้งสองพากันไปเล่นเครื่องเล่นหลายๆชิ้น พอใกล้กลับปฐวีและตันหยงก็พบเสกสรรสามีของปรางค์ทิพย์ที่พาลูกและภรรยาอีกคนมาเที่ยวสวนสนุก ย้ำกับหลานสาวว่าอย่าพึ่งไปบอกใคร ก่อนแวะพาตันหยงไปเลือกซื้อจี้ใส่สร้อยที่คุณย่าให้เป็นรางวัล ปฐวีเลือกจี้รูปหัวใจให้ตันหยงก่อนกลับบ้าน
       เมื่อมาถึงบ้านก็พบว่าคุณหญิงกำลังเตรียมงานกำลังวุ่นวายกันจนปฐวีไม่อยากนอนที่บ้าน จึงขอมานอนที่บ้านพี่สาวแทน ตันหยงจึงเดิมมาที่บ้านก่อนปฐวี เมื่อมาถึงเธอพบว่าคุณประภัสสรกำลังมีแขกอยู่ แต่เมื่อเห็นหน้าแขกตันหยงรู้ทันทีว่าคือสุนันท์บ้านน้อยของพ่อนั่นเอง จึงเดินเข้าไปหาแม่ที่กำลังร้องไห้อยู่ ผู้หญิงที่มาเธอมาเรียกร้องสิทธิ์เมียคนหนึ่งของเมธี และต้องการให้ประภัสสรหย่ากับเมธี ตันหยงทนไม่ได้ที่ผู้คนนี้เข้ามาทำร้ายจิตใจผู้เป็นแม่ถึงที่บ้าน จึงไล่สุนันท์ออกจากบ้านไปอย่างเจ็บแสบจนเกือบจะมีเรื่องกัน ยังดีที่ปฐวีมาช่วยได้ทันและลากผู้หญิงคนนั้นออกไป ส่วนเธอก็เข้าไปดูประภัสสรที่หมดสติไปตันหยงอยู่ดูแลจนประภัสสรได้สตีเธอจึงกลับห้องนอนของเธอ ทิ้งตัวนอนลงอย่างหมดแรงเหนื่อยกับปัหาที่ต้องมาเจอสงสารทั้งประภัสสรและปรางค์ทิพย์ที่สามีไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย กระทั้งปฐวีกลับเข้ามาดูหลานสาวที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียง สงสารหลานสาวที่อายุแค่นี้แต่ต้องมาเจอเรื่องพวกนี้
       จนในที่สุดวันงานวันเกิดครบรอบแปดสิบปีก็มาถึง บี๋กับนาวินก็ได้รับเชิญในฐานะแขกของตันหยงซึ่งปรงทองก็อนุญาต ยังความหมั่นไส้มาให้ปรางค์ทิพย์มากทั้งๆที่ปรงทองก็อนุญาตให้ทุกคนเชิญแขกมาได้ตามใจ เช้าวันนี้ตันหยงถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า เธอเข้าไปช่วยประภัสสรแต่งตัวในห้อง เมื่อเมธีกลับมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาให้ทันงานเลี้ยงฉลอง ตันหยงบอกเมธีเรื่องที่สุนันท์เข้ามาเรียกร้องสิทธิ์ถึงที่บ้าน ทำให้เขาตกใจไม่คิดว่าสุนันท์จะกล้าถึงเพียงนี้ และสำนึกผิดอยากขอโทษทั้งลูกสาวและภรรยา แต่เนื่องจากงานทำบุญในตอนเช้ากำลังจะเริ่มจึงทำให้ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน งานทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านในตอนเช้าเริ่มขึ้น ขณะที่นั่งฟังเทศน์ตันหยงแอบปฐวีอยู่ตลอด เสร็จแล้วก็ถวายภัตตาหารแม้จะอยู่ในร่างเด็กแต่เธอก็ดูเรียบร้อย สุดท้ายแล้วจึงรับน้ำมนต์
       ตลอดเวลาตันหยงนั่งอยู่ใกล้ปฐวีตลอดมัมทำให้เธอมีความสุข ระหว่างที่ตันหยงนั่งรับน้ำมนต์อยู่คุณหญิงที่มองมาทางหลานสาวก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นภาพน้องเมย์นั่งซ้อนภาพตันหยง ท่านก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเกิดภาพนิมิตนี้แล้วมันมีความหมายว่าอย่างไร ปรงทองเรียกปฐวีให้มาดูซึ่งปฐวีก็ตกใจที่เห็นร่างของตันหยงนั่งแทนที่น้องเมย์ ซึ่งคราวนี้เขาเห็นได้ชัดมากกว่าคราวก่อน แถมยังมีคนเห็นเหมือนกันอีกคนคือแม่ของเขาเอง ปรงทองจึงเรียกน้องเมย์เข้ามาใกล้แล้วถอดสร้อยพระของรักของหวงที่ท่านใส่มาตั้งแต่ยังสาวให้น้องเมย์ ทำให้หลายคนถึงกับตาโตหนึ่งในนั้นคือปรางค์ทิพย์ที่มองน้องด้วยความเกลียดชัง ปฐวีเริ่มมีอาการแปลกออกไปกับน้องเมย์จนตันหยงเองรู้สึกได้ ปฐวีเริ่มถามคำถามแปลกเช่นน้องเมย์ไม่กินเหล้าเหรอ หรือแม้แต่แกล้งให้ตันหยงไปเรียกเพื่อนมา ซึ่งตันหยงก็ปรึกษากับบี๋ว่าจะเอายังไงดี แต่บี๋บอกให้เฉยๆไปก่อน
       เมื่อถึงเวลางานเลี้ยงตอนค่ำบรรดาลูกหลานต่างพากันเปลี่ยนชุดที่ดูหรูหรากันทุกคน ส่วนตันหยงและประภัสสรกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านตันหยงและปฐวีร่วมมือกันเปลี่ยนโฉมประภัสสรจนกลายเป็นผู้หญิงที่สวย ขนาดที่ว่าเมธีเห็นถึงกับตาค้างตะลึงในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของภรรยาย รวมไปถึงบรรดาแขกภายในงานแต่ชมว่าประภัสสรสวยขึ้น เห็นจะมีแต่ปรางค์ทิพย์เท่านั้นที่ค่อยแต่จะอิจฉาและพูดจาไปให้ทางเสียหาย จนกระทั้งถึงเวลาคุณหญิงปรงทองเปิดพิธีงานเต้นร่ำ ปรงแก้วและปรงขวัญลูกสาวของปรางค์ทิพย์ออกมาร่ำอวยพรถวาย ส่วนตันหยงเธอร้องเพลงฝรั่งโดยมีปฐวีช่วยดีดกีต้าร์ให้ สร้างความประทับแก่บรรดาแขกในงาน แต่คนที่จะดูเป็นปลื้มมากกว่าใครคงจะเป็นคุณหญิงปรงทอง เมธี และประภัสสร ส่วนปฐวีก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้น
       หลังจากงานเลี้ยงฉลองผ่านไปเมธีและประภัสสรก็ปรับความเข้าใจกันได้ และไปพากันไปเที่ยวทะเล โดยที่ปฐวีจะตามไปเที่ยวทีหลัง ช่วงนี้ครอบครัวเธอจึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง น้องนนท์โทรศัพท์มาชวนตันหยงไปงานวันเกิด เธอจึงรับปากว่าจะไปโดยมีปฐวีเดินเลือกซื้อของขวัญ เพราะเขาไม่สามารถไปร่วมงานวันนี้ได้ เย็นวันนี้เธอจึงให้ลุงแก้วขับรถไปส่งที่บ้านของน้องนนท์ ระว่างนั้นตันหยงเห็นปฐวีที่บ้านของสุนันท์ไหนเขาบอกว่า วันนี้มากับเธอไม่ได้ติดธุระ นี่คงเป็นธุระที่สำคัญของเขาด้วย เธอเสียใจมากจึงวิ่งตากฝนไปไม่ยอมฟังปฐวีที่พยายามจะอธิบาย ตันหยงเดินไปเรื่อยๆจนมาถึงบ้านเดิมของเธอ อยากพบแม่แต่คุณบุหงาไม่อยู่ เธอจึงต้องกลับบ้านของน้องเมย์ เมื่อมาถึงบ้านเธอก็พบว่าเขามารอเธออยู่ก่อนแล้ว ปฐวีเล่าถึงสาเหตุที่ต้องไปพบสุนันท์เพราะเพียงแค่ต้องการไปเสนอเงิน เพื่อให้เลิกติดต่อกับเมธีอีกต่อไป เมื่อปฐวีพูดจบแต่ยังดูเหมือนตันหยงจะไม่ยอมหายโกรธเขา จึงหันหลังกลับเดินออกไปแต่เธอก็เรียกเค้าไว้ก่อน จังหวะที่ปฐวีหันกลับมามองหลานสาว เขาเห็นภาพซ้อนระหว่างน้องเมย์และภาพของตันหยง ซึ่งตันหยงก็ขอให้ปฐวีพาเธอไปโรงพยาบาล แล้วตันหยงก็บอกว่าเธอไม่ใช่น้องเมย์ แต่เธอคือผู้หญิงคนที่นอนอยู่ตรงนี้ ปฐวีเสียใจมากที่รู้ว่าหลานสาวไม่อยู่แล้ว และเขาก็รับไม่ได้ที่ผู้หญิงที่เขาชอบมาอยู่ในร่างนี้ ปฐวีจึงห่างเหินตันหยงไปซึ่งตันหยงก็เข้าใจในความรู้สึกนี้
       หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดระหว่างน้องเมย์กับปฐวีจบลง เมธีก็กลับไปเจรจาตกลงกับสุนันท์ได้โดยเสียเงินไปจำนวนมากพร้อมบ้านหนึ่งหลัง รถหนึ่งคัน เพื่อแลกกับการเลิกกันอย่างถาวร ความสุขก็กลับมาอีกครั้งเมื่อรู้ว่าประภัสสรกำลังจะมีน้อง
       เรื่องราวทำท่าจะดูดีสำหรับทุกชีวิตยกเว้นแค่ปฐวีกับน้องเมย์ที่ไม่สนิทกันเหมือนก่อนจนแม้แต่ปรงทองเองก็แปลกใจ แต่แล้ววันหนึ่งเมธีก็ได้รับมอบหมายจากปรงทองให้ช่วยกันกับปฐวีช่วยกันตรวจสองทรัพย์สินเพื่อที่คุณหญิงจะวางมือจากธุรกิจ แต่กลายเป็นว่าเมธีเจอว่า เสกสรรค์ที่ใช้ความเป็นผู้จัดการธนาคารเข้ามาแนะนำการลงทุนให้กับปรงทอง แต่จริงๆแล้วยักยอกเงินไปมากมาย เมธีกับปฐวีจะดำเนินการตามกฎหมายให้เสกสรรถูกจับถ้าไม่นำเงินมาคืน ซึ่งเสกสรรค์ยอมรับว่าทำเองทั้งหมดและจขอคืนเงินพร้อมทั้งขอหย่าขาดจากปราค์ทิพย์ โดยจะเอาลูกๆไปอยู่กับตัวเองและครอบครัวใหม่ที่ต่างจังหวัด ปรางค์ทิพย์ทั้งเจ็บทั้งอายและยิ่งมาเจ็บซ้ำเมื่อปรงทองขอให้เมธาช่วยดูแลกิจการในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ต่างๆที่เป็นของปรางค์ทิพย์และประภัสสร ปราค์ทิพย์จึงกลับมายุประภัสสรอีกแต่คราวนี้ประภัสสรไม่เชื่อพี่สาวและเถียงคืน ปรางค์ทิพย์โกรธมากจะทำร้ายประภัสสร ตันหยงเห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาช่วยแต่ถูกปรางค์ทิพย์ผลักตกบันไดอีกครั้งท่ามกลางความตกใจของประภัสสรและปรางค์ทิพย์ ปฐวีเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีก็รีบปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาล
       ในห้องไอซียู ตันหยงขอโทษปฐวีและทุกคนที่เข้ามาอยู่ในร่างน้องเมย์ ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องไปแล้ว ประภัสสรถามหาน้องเมย์ ตันหยงบอกว่าน้องเมย์อยู่ข้างบนก่อนเธอแล้ว และตอนนี้เธอคงจะตามไปด้วย พูดจบร่างของน้องเมย์ก็ค่อยๆหลับลงไป ปฐวีรีบมาที่ห้องของตันหยงและเฝ้าร่างของตันหยงพร้อมๆกับพ่อแม่และพิรามจนผ่านไปหนึ่งวันชีพจรของตันหยงก็อ่อนลง ปฐวีบอกให้ทุกคนทำใจ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อทุกอย่างกลับดีขึ้น ดีขึ้น และดีขึ้นมากจนตันหยงค่อยๆฟื้นขึ้นมา พิรามและพ่อกับแม่ของตันหยงดีใจมาก รวมทั้งปฐวีด้วย ตันหยงขอให้ปฐวีพาเธอไปหาร่างของน้องเมย์ ซึ่งทำให้พ่อกับแม่และพิรามที่รู้เรื่องต่างพากันงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
       ที่ห้องพักของน้องเมย์ ปฐวีพาตันหยงเดินเข้ามาท่ามกลางความงุนงงของทุกคน ตันหยกไหว้และทักทุกคนได้อย่างถูกต้องและบอกว่าน้องเมย์จะกลับมาอีกครั้ง เพียงแต่ไม่ใช่ในร่างนี้ ทุกคนไม่อยากเชื่อยกเว้นปรงทองที่เห็นน้องเมยยืนยิ้มอยู่ข้างเตียง แต่บี๋กับนาวินก็มาช่วยยืนยันอีกแรง แล้วเครื่องวัดชีพจรกับหัวใจของน้องเมย์ก็หยุดทำงาน เมธีและประภัสสรเสียใจมากจนเป็นลม ปฐวีต้องเข้าดู
       เมื่อฟื้นขึ้นประภัสสรก็ได้รับข่าวดีว่าเธอตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนแล้ว และในฝันระหว่างที่เธอเป็นลม น้องเมย์ก็มาบอกว่าจะขอมาเกิดอีกครั้งและคราวนี้จะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ไปนานเท่านาน ปรงทองยืนยันว่าจริง ปรางค์ทิพย์เข้ามาขอโทษทุกคน เพราะความโลภความอิจฉาเกือบจะทำให้เธอเป็นฆาตกรไปแล้ว ตันหยงขอบคุณปฐวีที่ดูแลเธออย่างดีตลอดสามเดือน แต่พูดไม่ทันขาดคำพิรามก็ขอพาตัวตันหยงกลับไปยังห้อง ปฐวีจำต้องปล่อยไปด้วยความเศร้า
       เมื่อกลับมาบ้าน พ่อกับแม่และพิรามก็คิดจะเตรียมการจัดงานแต่งงานอีกครั้ง บี๋พยายามจะบอกให้ตันหยงคิดดูให้ดีว่าหัวใจของเธอรักใคร ทางด้านนาวินก็รีบไปส่งข่าวให้ปฐวีรู้ แต่ปฐวีก็ไม่สามารถจะเข้าไปแย่งคนรักของใครได้ บี๋ที่พาตันหยงมาแอบฟังความในใจของปฐวีจึงบอกให้ตันหยงคิดเอาเอง จนถึงวันงานแต่งงานของตันหยง ตันหยงตัดสินใจบอกพิรามว่าเธอแต่งงานกับพิรามไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอรักปฐวีไปแล้ว พิรามเสียใจมากแต่ก็เข้าใจว่าเป็นตัวเขาเองที่ทำลายทุกอย่างจึงยอมปล่อยตันหยงไป และงานแต่งงานใหญ่โตในวันนั้นก็ต้องยกเลิกเพื่อที่จะมาเป็นงานแต่งงานเล็กๆในวันรุ่งขึ้นระหว่างปฐวีกับตันหยงที่บ้านโภควันต์ รวมทั้งการประกาศหมั้นกันของบี๋และนาวิน ซึ่งบี๋ของนาวินว่าจะไปเรียนโทสองปีกลับมาแล้วค่อยแต่งงาน แต่นาวินไม่ยอมเพราะกลัวมีอาถรรพ์เหมือนตอนพิรามกับตันหยง ซึ่งบี๋ว่าก็ดีน่ะสิ เผื่อจะได้เจอคนใหม่ที่ดีกว่าหล่อกว่าอย่างที่ตันหยงเจอ สุดท้ายนาวินเลยประกาศจะแต่งงานก่อนไปเรียนเอกที่เมืองเดียวกับบี๋ที่ไปเรียนโท และสุดท้ายทุกคนก็มีความสุขชื่นมื่นในงานแต่งงานเล็กๆ แต่อบอุ่นในความเป็นครอบครัวจากทั้งฝ่ายปฐวีและฝ่ายตันหยง
       จบบริบูรณ์
       
       คาแรคเตอร์ตัวละคร “พรพรหมอลเวง”
       
       ตันหยง หรือ หยง สาวสวยวัย 25 ปี มีรสนิยมไสตล์เรียบหรูดูดีหรือ Less is more (สไตล์การแต่งกายสวยเก๋ ทันสมัยแต่ไม่มากจนเกินไป) จบการศึกษาปริญญาตรีที่ประเทศไทย แล้วไปเรียนต่อด้านการบริหารที่อังกฤษ เพียบพร้อมทั้งฐานะ และครอบครัวที่แสนอบอุ่น มั่นใจตัวเอง มองโลกในแง่ดี คิดบวก มีอุดมคติในความรักที่ยึดมาจากพ่อกับแม่ แต่หัวโบราณรักนวลสงวนตัว รักเดียวใจเดียว มุ่งมั่นจะอุทิศตัวเองเพื่อคนที่รัก รับไม่ได้กับผู้ชายที่เจ้าชู้ไม่ซื่อสัตย์ เมื่อเรียนจบตั้งใจจะกลับมาแต่งงานกับคู่หมั้น เมื่อสลับร่างกับเมริน แล้วได้เห็นปัญหาครอบครัวของเมริน ตอนแรกรำคาญแต่สุดท้ายก็เข้าใจปัญหาก็พยายามช่วยเหลือให้ครอบครัวของเมรินกลับมามีความสุข และเป็นครอบครัวสุขสันต์เช่นเดิม เพื่อเป็นการตอบแทนร่างของเมริน แต่ก็ดันไปหลงรักปฐวีน้าของหนูน้อยเมรินซะได้
       *เป้าหมายหลักคือพยายามกลับร่างของตัวเองเพื่อไปหาพ่อกับแม่
       
       ปฐวี หรือ หมอวี หมอศัลยกรรมประสาทหนุ่ม อายุประมาณ 29-30 ปี หัวก้าวหน้า ทันสมัย
       จิตใจดี รักเด็ก รักความยุติธรรม ฉลาด ช่างสังเกต คิดอะไรเป็นวิทยาศาสตร์ต้องมีเหตุมีผล รับไม่ได้กับเรื่องผีสาง เป็นผู้ชายหัวเก่าไม่ชอบถูกผู้หญิงไล่ล่า แอบโรแมนติก แอบหลงรักตันหยงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอในสนามบินทั้งที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เมื่อรู้ว่าตันหยงมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ปฐวีก็ยังทุ่มเทรักษาตันหยงให้หาย เพื่อให้ตันหยงฟื้นกลับมาอีกครั้ง
       *เป้าหมายหลักคือพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆในครอบครัว อยากเห็นครอบครัวมีความสุข
       
       นาวิน เป็นผู้บริหารโรงเรียนอนุบาล เพื่อนสนิทของปฐวี แต่ต่างกันสุดขั้วตรงที่นาวิน
       โน้มเอียงไปทางไสยศาสตร์ หมอดู พิธีกรรมต่างๆ ชนิดที่ว่าธุรกิจจะโตได้หรือไม่ก็ขึ้นกับหมอดู ขี้เล่น ตลก ใจกับการกระทำไม่ค่อยตรงกันเพราะลึกๆเป็นคนขี้อาย แอบหลงรักสุดนภา หรือ บี๋ เพื่อนสนิทของตันหยง เป็นครูคนใหม่ที่เพิ่งจบปริญญาโทมาหมาดๆและมาเริ่มอาชีพครูอนุบาลในโรงเรียนของตัวเอง แต่ไม่ยอมรับ พยายามปิดบังความรู้สึกจนสุดนภาคิดว่านาวินไม่ชอบเธอ
       
       สุดนภา หรือ บี๋ อายุ 25 ปี จบปริญญาโทครุศาสตร์ปฐมวัย จากคณะครุศาสตร์จุฬาฯ ใฝ่ฝันตั้งแต่
       เด็กว่าจะเป็นครูอนุบาลและอยากมีโรงเรียนอนุบาลของตัวเอง พ่อกับแม่เป็นหุ้นส่วนเล็กๆในโรงเรียนอนุบาลของนาวิน บี๋เป็นเพื่อนสนิทกับตันหยง รู้ใจกันทุกอย่าง เมื่อตันหยงมาอยู่ในร่างของเมริน บี๋เป็นคนแรกที่ยอมรับได้ว่าตันหยงคือเมริน ช่วงแรกๆแอบชอบปฐวีเลยอาสาช่วยตันหยงโดยมีข้อแลกเปลี่ยนให้ตันหยงในร่างของเมรินคอยเป็นแม่สื่อให้ตนเองกับหมอปฐวี แต่สุดท้ายรู้ว่าหมอปฐวีชอบตันหยงก็ถอยทัพกลายเป็นกองเชียร์แทน ไม่เคยชอบนาวินเลย ถึงขนาดมองเห็นเป็นศัตรูคู่ปรับ แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ความดีของนาวินที่แอบซ่อนไว้ในใจมานาน
       
       ประภัสสร หรือ ภัส สาวใหญ่หน้าตาสวยมาก มีจิตใจดี แต่ด้วยความที่เป็นแม่บ้าน หูตาไม่กว้างไกล
       หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่หนักแน่น คิดมาก ใจจริงรักครอบครัวและสามีมาก แต่ไม่มีภูมิคุ้มกันเมื่อถูกยั่วยุ โดนเป่าหูจนกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล กว่าจะรู้ตัวว่าใครที่ควรจะเชื่อใจก็เกือบจะเสียทุกอย่างและทำลายครอบครัวด้วยมือตัวเอง
       
       เมธี หนุ่มใหญ่นิสัยดี เดิมบ้านมีฐานะพอควร แต่ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำประกอบกับธุรกิจ
       ค้าไม้ไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป พ่อแม่ที่คุณหญิงปรงทองคอยช่วยเหลือให้ทุนไปสร้างโรงเรื่อยต้องปิดกิจการไป ปรงทองก็รับเมธีมาส่งเสียให้เรียนหนังสือตั้งแต่ระดับมัธยมปลายจนจบมหาวิทยาลัยโดยเมธีก็ช่วยงานบ้านเป็นการตอบแทน เมื่อเมธีเรียนจบด้านออกแบบและตกแต่งภายใน ปรงทองก็ให้เงินไปร่วมลงทุนในบริษัทตกแต่งภายในจนเจริญเติบโตและกอบกู้ธุรกิจพ่อแม่ได้อีกครั้ง ทำให้เมธีและครอบครัวรักเคารพ เทิดทูนปรงทองและคนในครอบครัวมาก เมธีเป็นพ่อบ้านที่รักลูกและภรรยามาก ใจเย็น อดทน มุมานะ จริงจังจริงใจ ซื่อสัตย์ กตัญญู แต่มีปมฐานะตั้งเดินต่ำต้อยกว่าภรรยา ซึ่งเป็นปมที่ปรางทิพย์คอยพูดจี้ใจดำตลอดเวลา เมื่อมีปัญหากับประภัสสรก็เกิดอาการกดดัน เลยหลงผิดไปมีบ้านเล็ก แต่ด้วยความรักในครอบครัว กลับใจมาเป็นพ่อบ้านที่ดีอีกครั้ง
       
       ปรางค์ทิพย์ หรือ ทิพย์ สาวใหญ่ขี้อิจฉา ไม่อยากเห็นใครได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งประภัสสร เพราะปรางค์ทิพย์อิจฉาที่ประภัสสรสวยกว่า มีคนมาชอบเยอะกว่าสมัยสาวๆ จนพาลคิดไปว่าญาติผู้น้องชอบทำตัวเด่นดังและลึกๆเป็นคนร้ายแต่แอ๊บหวาน ประกอบกับเมธีที่ปรางค์ทิพย์หลงรักก็ไม่เคยเหลียวแลเธอเลย หนำซ้ำยังรักกับประภัสสรอีก เลยแปรความรักกับเมธีเป็นความเกลียด (แสดงออกว่าเกลียด แต่เปิดเผยภายหลังว่าชอบและรักมาก่อน แต่เมธีไม่เคยเหลียวมอง) และเหยียดหยามเมธี เลยทำให้เธอพาลเกลียดประภัสสรแต่แสดงออกไม่ได้เพราะยังไงเธอก็เป็นแค่หลานยาย จึงคิดเอาเองว่าปรงทองรักประภัสสรมากกว่าเพราะเป็นหลานย่าแถมพาลที่แม่ของเธอไปแต่งงานกับพ่อที่เป็นแค่ทหารยศนายพันจนๆอยู่ต่างจังหวัด จึงถือว่าตัวเองมีปมด้อย (ทั้งๆที่ปรงทองและคนอื่นไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้เลย) นิสัยส่วนตัวนอกจากขี้อิจฉาริษยา คอยยุแหย่ให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก เพื่อความสะใจ ปากหวานก้นเปรี้ยว เจ้าอารมณ์ แล้วยังมีความละโมบอยากได้สมบัติของคุณหญิงปรงทอง ชอบข่มสามี วางตัวเหนือกว่าคนอื่นแม้แต่ลูกตัวเอง พยายามเคี่ยวเข็ญให้สามีทำงานที่โดดเด่น ส่วนลูกก็ต้องเรียนเก่งกว่าคนอื่นเพื่อมาเสริมให้ตัวเองดูดีและจะได้ข่มคนอื่น ท้ายที่สุดเกือบเป็นบ้า เพราะสามีไปมีภรรยาน้อย แถมยังมีลูกชายอีกด้วย
       
       หนึ่งฤทัย หรือหมอหนึ่ง หมอสาวสวยเป็นเพื่อนกับปฐวีตั้งแต่ปีหนึ่ง จนแยกไปเรียนเฉพาะทาง และ
       กลับมาเจอกันอีกครั้งเมือปฐวีเปิดโรงพยาบาล และหมอหนึ่งมาเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาล แอบรักปฐวีตั้งแต่แรกเห็นและก็รักตลอดมา แต่ก็ไม่เคยเรียกร้องหรือแสดงออกมากจนเกินงาม จนวันหนึ่งรู้ว่าปฐวีเริ่มจะมีคนที่ชอบแล้ว (ตันหยงที่นอนป่วยอยู่) หมอหนึ่งจึงยอมแสดงออกซึ่งความรู้สึกจนบอกรักก่อนแต่ปฐวีไม่สนใจจนเมื่อตันหยงฟื้นจึงขอร้องให้ตันหยงกลับไปหาพิรามและขอปฐวีให้กับตัวเธอเอง แต่สุดท้ายก็ยอมอยู่กับความจริงว่าเธอไม่มีทางเอาชนะใจปฐวีได้ อุปนิสัย ใจดี มีเหตุผล ต่อสู้อย่างคนมีความคิดมีการศึกษา และมีความเชื่อมั่นในตัวเอง
       
       พิราม หนุ่มหล่อวัย 30 ปี คู่หมั้นหนุ่มของตันหยง พื้นฐานครอบครัวดี มีฐานะ เป็น
       เจ้าของบริษัท Consultant ที่ปรึกษาด้านการปรับปรุงองค์กร อนาคตไกล หน้าตาดี มารยาทดี เป็นที่รักของคนที่ได้พบปะพูดคุย ทว่าเป็นคนประเภทความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เก่งเรื่องงานแต่พังเรื่องส่วนตัวเพราะความไม่หนักแน่นและด้วยความเห็นแก่ตัวคิดถึงความสุข ความต้องการประสาผู้ชายของตัวเองทำให้เผลอไปมีความสัมพันธ์กับพัดชา เมื่อรู้ตัว พิรามพยายามบอกเลิก แต่ไม่เป็นผลเมื่อตันหยงมาเห็นพิรามอยู่กับพัดชา ทำให้เกิดอุบัติเหตุ พิรามพยายามแก้ไขสิ่งผิด คอยดูแลตันหยงตอนป่วย และได้เรียนรู้จากการเสียตันหยงว่าความรักมีค่าแค่ไหน
       
       พัดชา เลขาสาวของพิราม เป็นสาวสมัยใหม่ประเภทรักตัวเองเกินกว่าจะรักใคร ตลอด
       มาเป็นคนแยกออกระหว่างมิตรภาพกับความรัก และเซ็กส์ แต่สุดท้ายก็หลงรักพิราม พยายามจะยึดพิรามไว้ ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้คนรักเป็นของเธอ แต่เมื่อพิรามไม่เล่นด้วยเธอจึงต้องเลือกทางเดินใหม่ ปล่อยพิรามไปหาตันหยง
       
       จริณทิพย์ สาวใหญ่เลขาคนสนิทของปฐวี ตั้งใจทำงานทั้งในและนอกสถานที่ เพราะปราบ
       ปลื้มปฐวีเป็นการส่วนตัว ทำงานดี รักเจ้านายมาก ปากร้ายใจดี ไม่ชอบนินทานาย แต่ถ้าใครอยากรู้อะไรแค่ท้าทายว่าเธอคงไม่รู้ ความลับทั้งหมดก็จะหลุดออกมาทันที
       
       เมริน หรือน้องเมย์ ลูกสาวของประภัสสรกับเมธี อายุ 5 ขวบ เป็นเด็กขี้โรค อ่อนแอ เงียบๆไม่ค่อยพูดค่อยจา หัวไม่ดี เรียนหนังสือไม่เก่ง จึงถูกจัดให้อยู่ห้องพิเศษที่คุณครูต้องคอยใกล้ชิดเป็นพิเศษ มีอาการทางสมองนิดๆคือสมาธิสั้น พูดไม่ชัดต้องทานยาควบคุมประจำ และรอให้อายุ 10 ขวบ จะทำการผ่าตัดรักษาโรคนี้ จากอาการต่างๆน้องเมย์จึงเป็นที่ห่วงใยของทุกคนในบ้านมากกว่าใครๆ ทำให้ปรางค์ทิพย์คิดมากและอิจฉาถึงขั้นริษยาน้องเมย์ แต่เมื่อสลับร่างกับตันหยง กลายเป็นเด็กหัวดีมีความมั่นใจในตัวเองสูง ฉลาดคิดฉลาดพูด แถมพูดชัดจนปฐวีสงสัย
       
       ปรงแก้ว ลูกสาวของปรางค์ทิพย์ อายุ 6 ขวบ เรียนอยู่ ป.1 โรงเรียนดัง ถูกแม่บังคับให้
       เรียนและทำกิจกรรมเพื่อหน้าตาแทบทุกอย่าง เช่น บัลเลย์ เปียนโน ศิลปะ จนกลายเป็นเด็กชอบอวดชอบโชว์ความเก่ง ชอบดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่าทั้งฐานะและความสามารถ พยายามเอาชนะเมรินทุกวิถีทาง จนกลายเป็นเด็กเก็บกด ขี้อิจฉาเหมือนแม่ ไม่ชอบเมริน เพราะคิดว่าเมรินทำให้โดนแม่ดุบ่อยๆ
       
       ปรงขวัญ ลูกสาวของปรางค์ทิพย์อีกคน อายุ 5 ขวบ เรียนอนุบาลเดียวกันกับเมริน แต่ได้
       เรียนห้องเด็กเรียนเก่ง เรียนรู้เร็ว ถูกแม่บังคับให้เรียนเหมือนพี่สาว จนกลายเป็นเด็กชอบอวดชอบโชว์ความเก่ง ชอบดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่าทั้งฐานะและความสามารถ พยายามเอาชนะเมรินทุกวิถีทาง จนกลายเป็นเด็กเก็บกด ขี้อิจฉาเหมือนแม่ ไม่ชอบเมริน เพราะคิดว่าเมรินทำให้โดนแม่ดุบ่อยๆ
       
       คุณหญิงปรงทอง อายุประมาณ 65 ปี เป็นคนแก่ที่ฉลาด ผ่านโลกมามาก มองการณ์ไกล ต้องการ
       วางมือจากธุรกิจ รักและห่วงใยลูกหลานทุกคน อยากให้ทุกคนมีความสามัคคีกัน ยุติธรรมกับลูกหลานทุกคน แยกแยะนิสัยแต่ละคนออก คอยสั่งสอนให้ลูกหลานเชื่อเรื่องบาปบุญ
       
       บุหงา แม่ของตันหยง ภรรยาของพินิจ มีเหตุผลและมีเมตตา ชอบทำงานการกุศลเพราะ
       อยากแบ่งปันคืนสังคม และถ่ายทอดนิสัยนี้ให้ลูกสาว รู้จักช่วยเหลือคนอื่นที่ลำบากกว่า ยอมรับฟังเหตุผลของคนอื่น จิตใจดีพร้อมจะให้อภัยแม้แต่พิราม ที่ทำผิดต่อตันหยง
       
       พินิจ นักธุรกิจเจ้าของบริษัท Logistic มีสายเดินเรือขนส่งสินค้าที่ใหญ่ระดับเอเซีย
       เป็นพ่อของตันหยง รักลูกสาวมาก ทำงานทุกอย่างเพื่อลูกสาวคนเดียว มีนิสัยเข้มแข็ง สู้งาน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ซึ่งถ่ายทอดนิสัยนี้ให้ตันหยง
       
       เสกสรร สามีของปรางค์ทิพย์ นายธนาคารระดับผู้จัดการภาคดูแลทุกสาขาของภาคกลาง
       ถูกปรางค์ทิพย์ข่มอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยงานที่ต้องออกเดินทางบ่อย ทำให้หนีไปมีบ้านเล็กตั้งแต่แต่งงานกับปรางค์ทิพย์ได้เพียงหนึ่งปี คือริสา และมีลูกชายอีกคน ชอบชักชวนคุณหญิงปรงทองให้ลงทุน แต่ก็ไม่ต่างจากพยายามยักยอกเงินของครอบครัวคุณหญิงปรงทองไปใช้เลี้ยงบ้านเล็ก ภายหลังถูกจับได้
       
       แม้นวาด เป็นคนสนิทของคุณหญิงปรงทอง อายุไร่เรี่ยกับคุณหญิง เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงกันมา
       เป็นคู่หูคู่คิดกับคุณหญิงปรงทอง เป็นที่รังเกียจของปรางค์ทิพย์ เพราะคิดว่า
       แม้นมาดคอยยุแหย่ให้ปรงทองเกลียดปรางค์ทิพย์ แล้วยกสมบัติให้ปฐวี และประภัสสรมากกว่า
       
       ลุงสาย เป็นคนสวนเก่าแก่ของคุณหญิงปรงทอง สามีของยายแก้ว สนิทกับเมธี รักเมริน
       มากกว่า ปรงแก้ว ปรงขวัญ
       
       ป้าแก้ว เป็นแม่บ้านของคุณหญิงปรงทอง อยู่กับปรงทองมาตั้งแต่สาวๆ อายุไร่เรี่ยกับ
       ประภัสสร รักปรงทองและครอบครัว ลูกหลานของปรงทองทุกคน เพราะถือว่าเป็นหนี้ชีวิตของปรงทองที่รับเลี้ยงตนทั้งครอบครัว
       
       สายแก้ว อายุประมาณ 18-19 ปี พี่เลี้ยงของเมริน แม้จะเป็นคนตลก ปากดี แต่ก็ขี้กลัว
       เอนเอียงไปทางไสยศาสตร์ เชื่อไปหมดทุกเรื่องโดยไม่ต้องอาศัยความคิดกลั่นกรองใดๆ มองเห็นทุกอย่างแม้แต่ใบไม้กระดิกก็ถือเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ เป็นลูกของลุงสายกับป้าแก้ว ที่ปรงทองส่งให้เรียนหนังสือ แต่สายแก้วหัวไม่ดีเลยได้เรียนแค่ ม.6 แล้วก็กลับมาทำงาน ปรงทองเลยให้อยู่บ้านประภัสสร
       
       บุญศรี อายุไล่เรี่ยกับป้าแก้ว คนสนิทของปรางค์ทิพย์ นิสัยพอกัน คอยยุแยง เพราะหมั่นไส้ป้าแก้วและครอบครัวที่ได้รับการดูแลจากปรงทองดิบดี ชนิดที่ส่งสายแก้วเรียนหนังสือด้วย นอกจากจะยุปรางค์ทิพย์แล้ว ยังคอยยุปรงแก้ว ปรงขวัญ ให้เกลียดน้องเมย์
       
       ฉัตรพร นักร้องสาวในคลับของโรงแรมหรู วัย 30 ปี ที่พยายามจะจับคนรวยๆตามคำสั่งแม่ เพราะถ้าแก่กว่านี้จะหาลำบาก ภายนอกจะวางตัวเป็นคนดีมารยาทงาม แต่ที่จริงคือภาพที่สร้างไว้เพื่อให้ผู้ชายตายใจ และคิดว่าเธอคือคนที่ใช่ ฉัตรพรจะหลอกถามจนรู้ว่าเมียของเมธีเป็นอย่างไรและเธอจะทำตรงข้ามเพื่อให้เมธีคิดว่าเธอคือคนที่ใช่ ฉัตรพรไม่เกี่ยงว่าจะเป็นเมียน้อย แต่ต้องดูแล้วว่าผู้ชายคนนั้นสามารถเลี้ยงดูเธอและครอบครัวไปได้ทั้งชีวิต เป็นคนกร้านโลกจนหยาบคายได้ถ้าจำเป็นและต้องทำเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
       
       รายชื่อนักแสดงหลัก ใน พรพรหมอลเวง
       
       1.บอย-ปกรณ์ แสดงเป็น ปฐวี
       2.เบลล่า-ราณี แสดงเป็น ตันหยง
       3.น้ำผึ้ง-ณัฐริกา แสดงเป็น ประภัสสร
       4.จ๊อบ-นิธิ แสดงเป็น เมธี
       5.อันดา-กุณฑีรา แสดงเป็น เมริน
       6.กิ๊ก-มยุริญ แสดงเป็น ปรางทิพย์
       7.แม่แอ๊ด-โฉมฉาย แสดงเป็น ปรงทอง
       8.โอ-อนุชิต แสดงเป็น พิราม
       9.ดิว-อริสรา แสดงเป็น พัดชา
       10.หมอก้อง-สรวิชญ์ แสดงเป็น นาวิน
       11.ออม-สุชาร์ แสดงเป็น สุดนภา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น